การกลับมาของ
ขบวนการขอนแก่นโมเดลเกิดขึ้นภายหลังคสช.เข้ายึดอำนาจ เจ้าหน้าที่พบการเคลื่อนไหวของกลุ่มที่มีความเห็นต่างทางการเมืองที่ใช้ชื่อว่า "กองทัพปราบกบฏ" เตรียมวางแผนก่อการร้ายโดยใช้จังหวัดขอนแก่นเป็นฐานปฏิบัติการ การจับกุมครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตรวจยึด อาวุธสงครามและเครื่องกระสุนได้เป็นจำนวนมาก และจับกุมผู้ก่อเหตุในนามขบวนขอนแก่นโมเดลจำนวน 26 คน ต่อมทั้งหมดได้รับการประกันตัว ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มดังกล่าวก่อนจะพบว่ามีความพยายามก่อเหตุที่เข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงจนนำไปสู่การจับกุม
ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดขอนแก่นอ้างว่าพบการโพสต์ข้อความที่มีลักษณะคล้ายการเตรียมก่อเหตุความวุ่นวายในกิจกรรมสำคัญผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจส่วนกลางจึงเข้าควบคุมตัวจ.ส.ต.ประธินและนายพิษณุ พร้อมยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ภายในบ้านพักจังหวัดขอนแก่นไปตรวจสอบ ก่อนจะขยายผลและจับกุมผู้ร่วมก่อเหตุได้เพิ่มอีก 2 คน ส่วนอีก 5 คนยังหลบหนี ซึ่ง พ.อ.จตุรพงศ์ บกบน รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดขอนแก่นระบุว่า ที่ผ่านมามีการติดตามพฤติกรรมกลุ่มขบวนการขอนแก่นโมเดลมาอย่างต่อเนื่อง เพราะหลังจากที่ผู้ต้องหาในคดีขอนแก่นโมเดลได้รับประกันตัวตลอดระยะเวลา 1 ปี พบว่ายังมีความเคลื่อนไหวอย่างลับๆ ในพื้นที่
พ.อ.จตุรพงศ์ยังระบุอีกว่าผู้ก่อเหตุที่ถูกออกหมายจับทั้ง 9 คน เป็นชาวจังหวัดขอนแก่น 4 คน โดย 2 คนถูกควบคุมตัว ขณะที่อีก 2 คนอยู่ระหว่างหลบหนี ซึ่งขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงระดมกำลังลงพื้นที่หาข่าวเพื่อติดตามตัว พร้อมเพิ่มความเข้มข้นในการรักษาความปลอดภัยป้องกันการก่อเหตุซ้ำ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (29 พ.ย.) ทนายความของนายธนกฤต ทองเงินเพิ่ม ซึ่งเป็น 1 ในผู้ต้องหา 9 คนที่ถูกออกหมายจับได้เข้าแจ้งความที่กองบังคับการกองปราบปรามให้ดำเนินคดี พล.ต.วิจารณ์ จดแตง ฝ่ายกฎหมาย คสช. และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะพนักงานสอบสวนคดีนี้ทั้งหมดในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ความผิดฐานแจ้งความเท็จ และข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ออกหมายจับและตั้งข้อกล่าวหานายธนกฤต
โดนทนายของนายธนกฤตได้นำหลักฐานเป็นภาพถ่ายและเอกสารรับรองจากเรือนจำจังหวัดขอนแก่นมาที่ยืนยันว่านายธนกฤตรับโทษอยู่ในเรือนจำจังหวัดขอนแก่นตั้งแต่ปี 2557 ในความผิดเกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2557 จึงเป็นไปไม่ได้ที่นายธนกฤตจะกระทำผิดตามที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา และยืนยันว่าการควบคุมตัวนายธนกฤตภายในเรือนจำจังหวัดขอนแก่นมีความเข้มงวดไม่สามารถพบปะหรือวางแผนร่วมกับบุคคลภายนอกได้ โดยหลังจากที่นายธนกฤตทราบข่าวว่าถูกออกหมายจับเพิ่มเติม จึงมอบหมายให้มาแจ้งความเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ