อธิบายการทำงานระบบตรวจสอบ-คัดกรองบุคคลล่วงหน้า (APPS) ในสนามบิน

ท่าอากาศยานได้ติดตั้งระบบคัดกรองผู้โดยสารมาใช้ จากเดิมที่สายการบินกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่ได้เชื่อมโยงข้อมูลกัน ต่อไปนี้ถ้าใครมีรายชื่อห้ามเข้าออกประเทศจะถูกปฏิเสธตั้งแต่เคาร์เตอร์ของสายการบิน ผอ.ทอท.เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการประเมินครั้งต่อไปของ ICAO ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อแนะนำการปรับปรุงระบบการบริหารการบิน

ระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าหรือ APPS ที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด เริ่มใช้งานเป็นวันแรกวันนี้ (1 ธ.ค.2558) หากอธิบายการทำงานที่อธิบายได้ง่ายที่สุดทั้งสายการบินและสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สามารถเข้าถึงฐานข้อมูลผู้โดยสารได้เหมือนกัน การทำงานของระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้าจะเริ่มตั้งแต่ผู้โดยสารเช็คอินก่อนขึ้นเครื่องบินข้อมูลจะถูกส่งไปตรวจสอบกับฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หากพบว่าอยู่ในบัญชีรายชื่อบุคคลห้ามเข้า-ออกประเทศ หรือบุคคลเฝ้าระวัง ระบบจะแจ้งสถานะไม่สามารถเดินทางได้ และจะมีคำแนะนำว่าเจ้าหน้าที่สายการบินจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูลจะใช้เวลาเพียง 2-3 วินาทีเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่จะไม่ทราบเหตุผลที่ถูกปฏิเสธเนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนบุคคล

ระบบนี้จะตรวจสอบทั้งผู้โดยสารขาออกประเทศ และผู้โดยสารที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย หากเทียบกับเมื่อก่อนผู้โดยสารที่อยู่ในบัญชีบุคคลต้องห้ามอาจเช็คอินจากประเทศต้นทาง ขึ้นเครื่องบินและสามารถเดินทางมาถึงหน้าเคาเตอร์ตรวจคนเข้าเมืองของไทย ซึ่งหากเข้าประเทศได้ก็อาจส่งผลต่อความมั่นคงและเป็นภาระของทางการไทย

วันนี้ทีมข่าวไทยพีบีเอสยังมีโอกาสติดตามการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในห้องควบคุมระบบ APPS ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พบว่าตั้งแต่เปิดระบบเที่ยงคืนเมื่อวานนี้ ถึงเที่ยงวันนี้ มีรายชื่อผู้โดยสารที่อยู่ในข่ายเฝ้าระวังกว่า 200 คน จากจำนวนผู้โดยสารประมาณ 30,000 คน

สำหรับระบบนี้เบื้องต้นจะนำร่องใช้ในท่าอากาศยาน 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ภูเก็ต และหาดใหญ่ มีค่าธรรมเนียมเรียกเก็บจากผู้โดยสาร 35 บาท ซึ่งรวมอยู่ในค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว หลังจากนี้ระบบจะถูกนำไปใช้กับท่าอากาศยานทุกแห่งในประเทศ ทั้งท่าอากาศยานสังกัดกรมท่าอากาศยานสังกัดบริษัทการบินกรุงเทพและสังกัดกองทัพเรือด้วย