ยูเนสโกประนามกลุ่มไอเอสโจมตีโบราณสถานทำลายมรดกโลก

Logo Thai PBS
ยูเนสโกประนามกลุ่มไอเอสโจมตีโบราณสถานทำลายมรดกโลก

ยูเนสโกและตัวแทนของพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของโลกแถลงการณ์ประนามการคุกคามสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) ที่หันมาโจมตีโบราณสถานและโบราณวัตถุตามสถานที่ที่ตนเองยึดครอง เพื่อเป็นการข่มขวัญนานาชาติและนำโบราณวัตถุที่ยึดมาได้ ไปขายเพื่อนำเงินไปสนับสนุนการก่อการร้าย

หลังยืนหยัดผ่านการเวลามานานกว่า 2,000 ปี วันนี้โบราณสถานหลายแห่งในเมืองโบราณฮัตรา ประเทศอิรัก ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถูกทำลายโดยฝีมือสมาชิกกลุ่มไอเอส  ซึ่งเผยแพร่ภาพการทำลายโบราณสถานผ่านทางโลกออนไลน์ โดยอ้างเผตุผลว่าเป็นการทำลายรูปบูชาซึ่งขัดต่อความเชื่อของศาสนาอิสลาม

นอกจากควบคุมและสังหารชีวิตผู้คนแล้ว กลุ่มไอเอสซึ่งเข้ามายึดครองดินแดนทางภาคเหนือของอิรักและซีเรีย ได้ทำลายโบราณสถานสำคัญไปแล้วมากมาย โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2558 มีการเผยแพร่ภาพการทำลายวัตถุโบราณที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของเมืองโมซูล ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของอิรัก นับเป็นการสูญเสียครั้งล่าสุดหลังพิพิธภัณฑ์ทำการบูรณะโบราณวัตถุส่วนหนึ่งซึ่งได้รับความเสียหายจากสงครามอิรักเมื่อ 13 ปีก่อน แม้สิ่งของที่ถูกทำลายในคลิปวิดีโอส่วนใหญ่จะเป็นแบบจำลอง แต่โบราณวัตถุบางชิ้นซึ่งมีอายุกว่า 3,000 ปีก็เสียหายจากการบุกรุกดังกล่าว

ยูเนสโกและตัวแทนของพิพิธภัณฑ์ชั้นนำของโลกได้ร่วมกันแถลงการณ์ประนามการคุกคามสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของกลุ่มไอเอส แม้ทางการอิรักจะประเมินว่ามรดกทางวัฒนธรรมของชาติประมาณร้อยละ 10 ได้ถูกทำลายโดยฝีมือของกลุ่มไอเอส ซึ่งพลเมืองที่อยู่ในเหตุการณ์เผยว่ากลุ่มติดอาวุธบังคับให้ชาวบ้านดูการทำลายโบราณสถานเพื่อเป็นการข่มขวัญอีกทางหนึ่ง

ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า การทำลายโบราณวัตถุของกลุ่มไอเอส ไม่ได้มีจุดประสงค์สำคัญอยู่ที่การทำลายรูปเคารพทางศาสนาตามความเชื่อ แต่เป็นการนำโบราณวัตถุที่ยึดมาได้ไปขายต่อในตลาดมืด เพื่อนำรายได้มาสนับสนุนการก่อการร้ายของกลุ่มต่อไป ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าหากกองกำลังไอเอสรุกคืบไปยังดินแดนอื่นๆ มากขึ้น จะมีโบราณสถานอีกหลายแห่งซึ่งมีความสำคัญในฐานะเบ้าหลอมอารยธรรมของมนุษยชาติ ต้องเสี่ยงต่อการถูกทำลายเพิ่มขึ้น

แม้รัฐบาลอิรักจะยืนยันตัวเลขการเสียหายของโบราณ สถานที่ร้อยละ 10 แต่หลายฝ่ายเชื่อว่าการสูญเสียมีมากกว่านั้นมาก เพราะการทำลายหลายแห่งเกิดขึ้นในสถานที่ ซึ่งไม่เป็นที่รับรู้ของสาธารณชนและทางการเชื่อว่าการเผยแพร่ข้อมูลจริงอาจสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนมากไปกว่านี้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง