วันที่ (26 ธ.ค.2559) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลื่นลมที่สูงเกือบ 5 เมตร ยังคงพัดกระหน่ำเข้าฝั่งทำให้กำแพงกันคลื่นที่บ้านหน้าโกฎิ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช พังเสียหายเกือบทั้งหมดส่งผลทำให้น้ำทะเลไหลทะลักเข้าท่วมเส้นทางจราจรและบ้านเรือนของชาวบ้านที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนซึ่งบางคนขนย้ายข้าวของไม่ทันจึงเสียหายจำนวนมาก ขณะที่แขวงทางหลวงนครศรีธรรมราชที่ 1 ได้ออกประกาศให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางหลวงหมายเลข 4013 ปากพนัง หัวไทร เนื่องจากคลื่นลมที่รุนแรงได้พัดเอาขยะและสิ่งปฎิกูลขึ้นมาบนพื้นผิวของถนนและถนนได้รับความเสียหายจากการกัดเซาะบางส่วน
ส่วนที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช คลื่นลมที่รุนแรงในช่วงเช้าทำให้น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของชาวบ้านเสียหายหลายสิบหลังทำให้หลายคนเกิดความกังวล และต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของญาติหรือในที่ที่ปลอดภัยโดยชาวบ้านบางคน กล่าวว่า เหตุวาตภัยเมื่อ 50 ปีก่อนซึ่งทำให้ชาวบ้านเสียชีวิตและบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านที่นี้ตื่นตัวทุกครั้งที่เข้าสู่หน้ามรสุมแต่แม้ว่าจะมีความพยายามเรียกร้องให้รัฐบาลหลายสมัยเข้ามาจัดหาที่อยู่ทดแทนพื้นที่เดิมให้กับชาวบ้านกว่า 70 ครอบครัวแต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถทำได้ชาวบ้านจึงต้องอยู่ในบ้านหลังเดิมที่ต้องซ่อมแซ่มใหม่ทุกปีเพราะคลื่นลมแรง
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าคลื่นลมที่รุนแรงที่แหลมตะลุมพุกทำให้เรือเกศวิชัย ซึ่งมีนายเกรียงศักดิ์ ปานมั่น ไต๋กงเรือและลูกเรืออีก 5 คน คือ นายปัญญา ดีบรรจง นายณรงค์ ดีบรรจง นายพัฒกร มีแสง นายสว่าง สุนทรพจน์ และนายไชยยศ คำรักษ์ สูญหายขณะออกทำการประมงที่หน้าอ่าวปากนครซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
ชาวประมงที่บ้านบาเฆะ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมง กว่า 50 ครอบครัว คลื่นทะเลที่สูงกว่า 3 เมตรทำให้ชาวบ้านต้องขนของหนีน้ำอย่างอลหม่าน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเร่งมือเข้าช่วนเหลือขณะที่บ้านบางหลังที่ขนของไม่ทันทำให้ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมากนอกจากนี้คลื่นลมที่รุนแรงยังทำให้เรือประมงกว่า 1000 ลำ งดออกจากฝั และต้องเร่งขนย้ายเรือประมงไปไว้ในที่ที่ปลอดภัย
ส่วนที่ จ.ปัตตานี ความชุลมุนวุ่นวายเกิดขึ้นทันที่ที่คลื่นขนาดใหญ่กว่า 3 เมตรพัดเข้าบ้านของชาวบ้านปาตา ในต.ตะโล๊ะกาโปร์ อ.ยะหริ่ง ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งมือนำเรือขึ้นฝั่งกว่า 100 ลำ ขณะที่ถนนในหมู่บ้านเกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลันและบ้านเรือนที่อยู่ติดริมทะเลมีน้ำหนุนสูงซึ่งชาวบ้านบางส่วนต้องอพยพไปอยู่บ้านญาติ