เรือนจำกลางลพบุรีตรึงกำลังเข้มหวั่นเกิดเหตุซ้ำ
แม้จะควบคุมสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดจากการรวมตัวประท้วงของผู้ต้องขังเรือนจำกลางลพบุรีได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังต้องตรึงกำลังอย่างเข้มงวดเพื่อรักษาความเรียบร้อย โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน
เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำกลางลพบุรีประมาณ 6-7 คน ได้เกิดทะเลาะวิวาท ก่อนจะบานปลายเป็นความวุ่นวาย มีการทำลายข้าวของและเผายางรถยนต์ ขณะที่ผู้ต้องขังบางส่วนได้เข้าไปภายในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ นำไม้และเหล็กออกมา รวมถึงนำทินเนอร์ที่อยู่ในโรงงานเฟอร์นิเจอร์มาดมเพื่อสร้างความคึกคะนอง ส่วนสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เกิดจากความไม่พอใจเรื่องของกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น ทั้งห้ามนำอาหารเข้าไปรับประทานภายในโรงนอน ห้ามแอบสูบบุหรี่ในโรงนอน รวมถึงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (25 พ.ย.) มีการค้นพบโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง
ทั้งนี้มีรายงานว่า แกนนำที่ก่อเหตุชื่อนายไพโรจน์ ปานพบ ผู้ต้องขังในคดียาเสพติด
การเจรจามีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเงื่อนไขของผู้ต้องขังที่ก่อเหตุประมาณ 200 คน จากผู้ต้องขังทั้งหมด 1,750 คน ยืนยันว่า ไม่ให้ดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุ ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามควบคุมสถานการณ์ ด้วยการนำน้ำฉีดเพื่อดับไฟที่ถูกจุด จนเวลาประมาณ 15.00 น. มีการประชุมร่วมระหว่างผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี, อธิบดีกรมราชทัณฑ์, กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลพบุรี และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษลพบุรี หรือพลร่มป่าหวาย ถึงมาตรการควบคุม ซึ่งระหว่างประชุม ก็มีกำลังจากตำรวจ, ทหาร และหน่วยปฏิบัติการพิเศษกรมราชทัณฑ์ เข้าไปภายในเรือนจำมากกว่า 500 นาย เพื่อตรึงกำลังและเข้าไปควบคุมสถานการณ์
ต่อมาเวลาประมาณ 16.00 น. ก็มีเสียงคล้ายเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุการณ์นี้มีการกั้นพื้นที่เพื่อความปลอดภัย และหลังจากสิ้นเสียงปืนประมาณ 15 นาที มีการทยอยลำเลียงผู้บาดเจ็บออกมาประมาณ 3-4 คน ในส่วนของผู้บาดเจ็บ เบื้องต้นทราบชื่อคือนายเกรียงไกร มีโต ผู้ต้องขัง มีบาดแผลถูกยิง, นายปิยะพงษ์ นิลโท ผู้ต้องขัง มีบาดแผลถูกยิง และนายณรงค์ฤทธิ์ ผุดซ้อน ผู้ต้องขังชั้นดี มีบาดแผลถูกตีที่ศีรษะ
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เชื่อว่า เหตุการณ์ในวันนี้มีการเตรียมการเป็นอย่างดี
ขณะที่นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่า การสลายการชุมนุมของผู้ต้องขังในวันนี้ถูกต้องตามหลัก ซึ่งแม้แกนนำก่อเหตุวันนี้จะมีการพยายามเจรจาไม่ให้เอาผิด แต่ทางเรือนจำจะไม่มีการเจรจา แต่จะทำความเข้าใจในเรื่องของมาตรการและกฎระเบียบภายในเรือนจำ นอกจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงด้วย
ส่วนภาพมุมสูงจากทีมหนูน้อยจ้าวเวหาทีวีไทยที่ถ่ายเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ภายในเรือนจำยังคงมีผู้ต้องขังอยู่ด้านใน แต่ไม่มีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้นแล้ว ขณะที่เพลิงที่เคยลุกไหม้ก่อนหน้านี้ก็ดับเรียบร้อยแล้ว
ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้ต้องขังส่วนหนึ่งได้ถูกแยกขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังของเรือนจำทั้งหมด 3 คัน เพื่อนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำจังหวัดสระบุรี, เรือนจำจังหวัดอ่างทอง และเรือนจำจังหวัดชัยนาท