สำนักงานพระพุทธศาสนาฯให้ฝังชิ้นส่วนทารก
พรุ่งนี้จะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับชิ้นส่วนทารกทั้ง 2,002 ชิ้นส่วน ที่ถูกพบในโกดังเก็บศพของวัดไผ่เงินโชตนาราม ส่วนการจัดการชิ้นส่วนสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติแนะนำให้ใช้วิธีการฝัง เพราะชิ้นส่วนทั้งหมดยังถือว่าเป็นหลักฐานตามกฎหมายนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังมีการหารือร่วมกันระหว่างสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถระสมาคม และคณะสงฆ์ ถึงวิธีการดำเนินการกับชิ้นส่วนทารกจำนวน 2,002 ชิ้นส่วน ที่ถูกพบอยู่ในโกดังเก็บศพวัดไผ่เงินโชตนาราม ว่าตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้วไม่มีบัญญัติไว้เกี่ยวกับวิธีดำเนินการกับชิ้นส่วนของทารกที่มาจากการทำแท้งว่าจะต้องทำการเผา หรือฝัง ส่วนการดำเนินการจึงอยู่ที่ความประสงค์ของเจ้าภาพ แต่เมื่อหารือกันแล้ว สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดีชิ้นส่วนทารกจึงถือว่ายังเป็นหลักฐานตามกฎหมาย ซึ่งหากทำการเผาอาจเกิดปัญหาในภายหลังจึงเห็นว่าหลังทำพิธีทางศาสนาแล้ว ให้ดำเนินการฝังแทน
ส่วนในวันพรุ่งนี้(27 พ.ย.) หลายภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน จะร่วมกันทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับทารกที่เสียชีวิต โดยจะมีพิธีตั้งแต่ 10.00 น. ซึ่งนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธาน ขณะที่ความคืบหน้าของคดีตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสเกตช์ภาพชายต้องสงสัยที่เป็นผู้นำชิ้นส่วนเด็กมาส่งที่วัดจากปากคำของนายสุเทพ ชะบางบอน ผู้ดูแลสุสานที่เป็นผู้ต้องหาในคดีนี้
ส่วนการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอชิ้นส่วนทารก เบื้องต้นมีแนวโน้มว่า อาจไม่จำเป็นต้องตรวจดีเอ็นเอ เพราะการติดตามพ่อแม่ของเด็ก เพื่อนำดีเอ็นเอไปเปรียบเทียบน่าจะมีความเป็นไปได้น้อย และการตรวจก็มีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้อาจมีการเปลี่ยนแนวทางเป็นการตรวจสอบอายุครรภ์ของเด็กแทน ซึ่งน่าจะใช้เวลาเพียง 40 วัน