“สุเทพ”วอนทุกฝ่ายยอมรับคำวินิจฉัยศาลคดียุบพรรคประชาธิปัตย์
“สุเทพ”รองนายกฯ ด้านความมั่นคง ระบุว่าไม่ควรมองกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์เป็นเรื่อง 2 มาตรฐานและทุกฝ่ายควรยอมรับผลการวินิจฉัยของศาล
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงประเด็นการยกฟ้องกรณียุบพรรคประชาธิปัตย์ของศาลรัฐธรรมนูญวานนี้ (29พ.ย.) ที่เป็นประเด็นที่ยังมีการตั้งคำถามเรื่อง 2 มาตรฐาน โดยระบุว่าเรื่องนี้ไม่ควรมองว่าเป็นเรื่อง 2 มาตรฐาน หรือเป็นเรื่องของคดีขาดอายุความแต่เป็นข้อเท็จจริงที่พบว่า กระบวนการยื่นฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายและทุกฝ่ายควรยอมรับผลการวินิจฉัยไม่ควรนำเรื่องนี้ไปขยายผลให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรีได้เริ่มขึ้นแล้วในเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เป็นประธานการประชุม เนื่องจากในช่วงเช้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เดินทางไปศาลอาญาในคดีฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำนปช. ข้อหาหมิ่นประมาทจากการปราศรัยที่วัดไผ่เขียว กล่าวหานายกรัฐมนตรีจัดฉากสร้างเหตุการณ์เท็จเพื่อก่อให้เกิดจลาจลที่พัทยา และกระทรวงมหาดไทย
สำหรับวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆจะรายงานความพร้อมในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ 83 พรรษา 5 ธันวาคม 2553 นอกจากนี้มีการรายงานความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท จำกัด เพื่อบริหารโครงการรถไฟฟ้าเชื่อมต่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารในเมือง โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ จะนำเรื่องการขอเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็น 2,000 ล้านบาท เสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน จัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบจะสามารถจัดตั้งบริษัทได้ทันที
ด้านกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือ ไอซีที เสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบผลความคืบหน้าการแก้ปัญหาบัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ หรือ บัตรสมาร์ทการ์ด ระหว่างกระทรวงไอซีทีและกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มีข้อตกลงร่วมกันว่าจะแก้กฏกระทรวงมหาดไทยในส่วนของรูปแบบบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ด ที่ขัดกับรูปแบบที่กระทรวงไอซีทีสั่งผลิตออกมาแล้ว 26 ล้านใบ ให้ตรงกับบัตรประชาชนสมาร์ทการ์ดที่ผลิต เพื่อให้สามารถส่งมอบบัตรได้ ส่วนในเรื่องของความมั่นคงคาดว่าที่ประชุมจะมีการประเมิณสถานการณ์การชุมนุมต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นหลังวันที่ 5 ธันวาคมนี้