แม่ทัพภาคที่ 3 เชื่อสถานการณ์สู้รบชายแดนพม่าไม่กระทบไทย
แม่ทัพภาคที่ 3 ระบุว่า การสู้รบระหว่างทหารพม่ากับกะเหรี่ยงดีเคบีเอ พื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก ไม่น่าจะรุนแรงจนส่งผลกระทบกับไทย พร้อมสั่งกำชับเจ้าหน้าที่เข้มงวดตามแนวชายแดนและดูแลผู้อพยพตามหลักสิทธิมนุษยชน
โรงเรียนบ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ยังคงถูกปิดต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 หลังกะเหรี่ยงดีเคบีเอยิงต่อสู้กับทหารพม่าบริเวณค่ายผาลู ฝั่งตรงข้ามบ้านแม่โกนเกน โดยมีการใช้อาวุธหนักปืน ค.60 เพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและครู
ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่สหประชาชาติ (UNHCR) อำเภอแม่สอด แสดงความเป็นห่วงเรื่องการส่งผู้หนีภัยการสู้รบกลับไปฝั่งพม่า โดยขอให้ไทยคำนึงถึงความปลอดภัยก่อนที่จะส่งกลับ
ด้านพล.ท.วรรณทิพย์ ว่องไว แม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า การสู้รบระหว่างกะเหรี่ยงดีเคบีเอกับทหารพม่าไม่น่าจะมีความรุนแรงจนส่งผลกระทบกับไทย แม้จะมีผู้อพยพเข้ามาในไทยกว่า 600 คน โดยขณะนี้ได้ดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน ขณะเดียวกันได้สั่งกำชับเจ้าหน้าที่คุมเข้มตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า
สำหรับสถานการณ์การสู้รบขณะนี้ทหารพม่าควบคุมพื้นที่บริเวณค่ายผาลูได้แล้วเกือบทั้งหมด ทำให้ฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอถอยร่นไปทางใต้ค่ายผาลู แต่ยังคงกระจายกำลังซุ่มโจมตีทหารพม่า
ล่าสุดมีรายงานว่า ทหารพม่า กองพันเคลื่อนที่เร็ว 401 ถูกฝ่ายกะเหรี่ยงดีเคบีเอซุ่มยิงด้วยจรวดอาร์พีจี บริเวณฝั่งตรงข้ามอำเภอพบพระ จังหวัดตาก ทำให้ทหารพม่าเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บ7 นาย