ตร.ทดลองใช้ใบสั่งออนไลน์วันแรกในพื้นที่กทม.-ปทุมธานี

อาชญากรรม
7 ธ.ค. 53
01:34
53
Logo Thai PBS
ตร.ทดลองใช้ใบสั่งออนไลน์วันแรกในพื้นที่กทม.-ปทุมธานี

วันนี้ (7ธ.ค.) จะเป็นวันแรกที่ตำรวจจราจรจะเริ่มทดลองใช้ระบบการออกใบสั่งออนไลน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปทุมธานีเพื่อประเมินผลการใช้งานภายใน 1 เดือน โดยนอกจากจะทำให้การออกใบสั่งเป็นไปด้วยความรวดเร็วขึ้นแล้ว ยังจะเป็นประโยชน์ในการตรวจจับรถ หรือ บุคคลที่กระทำความผิดได้อีกทางหนึ่งด้วย

ระบบการออกใบสั่งจราจรออนไลน์ หรือ อี-ทิคเก็ทจะเริ่มนำทดลองใช้แล้วในวันนี้ (7 ธ.ค.) โดยการทำงานของเครื่องออกใบสั่งนี้จะมีลักษณะคล้ายกับเครื่องรูดบัตรเครดิต ที่ตำรวจจราจรสามารถพกพาได้เมื่อพบผู้กระทำความผิดทางจราจรตำรวจจะใช้บัตรประจำตัวประชาชน หรือ ใบขับขี่ของผู้กระทำความผิดรูดผ่านเครื่อง ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีเครื่องก็จะอ่านข้อมูลส่วนตัว และ ตำรวจก็จะบันทึกข้อมูลการกระทำความผิด ระบุข้อหาข้อมูลเกี่ยวกับรถ และยืนยันการออกใบสั่งซึ่งทันทีที่มีการยืนยันเครื่องก็จะพิมพ์ใบสั่งออกมาโดยใบสั่งจะมี 2 ส่วน ส่วนแรกให้ผู้กระทำความผิดนำไปจ่ายค่าปรับอีกส่วนหนึ่งให้ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน

การใช้ระบบการออกใบสั่งแบบออนไลน์นี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับทั้งตำรวจและประชาชน ในแง่ของการทำงาน ตำรวจจะไม่ต้องนำข้อมูลจากการเขียนใบสั่งแบบเดิมไปบันทึกในระบบอีกครั้ง เพราะระบบจะทำการบันทึกการกระทำความผิดลักษณะและข้อมูลต่างๆของรถซึ่งหากรถมีการแจ้งหายไว้ หรือ ผู้กระทำความผิดมีประวัติอาชญากร ตำรวจก็สามารถดำเนินการจับกุมได้ทันที

นอกจากนี้ข้อมูลต่างๆจะถูกส่งต่อไปยังกรมการขนส่งทางบก หากไม่มีการไปชำระค่าปรับภายในเวลาที่กำหนด เจ้าของรถจะต้องเป็นผู้เสียค่าปรับตามหมายเลขที่เบียนรถที่ได้กระทำความผิดไว้ ในช่วงที่มีการต่อหมายเลขทะเบียนรถประจำปี

ส่วนผู้กระทำความผิดเมื่อได้รับใบสั่งออนไลน์ก็สามารถไปชำระค่าปรับได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์ และ เซเว่นอีเลฟเว่น เพื่อป้องกันปัญหาการทุจริต หรือการเรียกรับผลประโยชน์ของตำรวจ

สำหรับเทคโนโลยีการออกใบสั่งออนไลน์นี้เคยประสบความสำเร็จมาแล้วในต่างประเทศ ทั้งประเทศญี่ปุ่น อเมริกา และอังกฤษ ส่วนในประเทศไทยจะเริ่มทดลองใช้งานวันแรกในวันนี้ และจะมีการประเมินผลหลังจากใช้งานไปแล้ว 30 วัน ซึ่งหากพบว่าเครื่องมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้งานได้ดีเหมาะกับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจราจรก็จะดำเนินการสั่งซื้อเพิ่มเติมเพื่อให้ใช้งานได้ทั่วประเทศ

สำหรับการทดลองใช้งานมีเครื่องที่จะนำมาทดลองใช้ 30 เครื่องจะเริ่มในพื้นที่นครบาล หรือกรุงเทพมหานครชั้นใน คือ กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 กองบังคับการตำรวจจราจรกลาง และ บางพื้นที่ของจังหวัดปทุมธานี


แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง