"ยิ่งลักษณ์-เต็งเส่ง" ลงนามเอ็มโอยู 3 ฉบับ ร่วมพัฒนาการศก.-เชื่อมคมนาคม-พัฒนาชายแดน

การเมือง
23 ก.ค. 55
08:38
16
Logo Thai PBS
"ยิ่งลักษณ์-เต็งเส่ง" ลงนามเอ็มโอยู 3 ฉบับ ร่วมพัฒนาการศก.-เชื่อมคมนาคม-พัฒนาชายแดน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวร่วมกับ พล.อ.เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนม่าร์ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลและประชาชนไทยมีความยินดีที่ได้ต้อนรับประธานาธิบดีเต็ง เส่ง และคณะ ในฐานะที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

ซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี สำหรับการหารือในวันนี้ ( 23 ก.ค.) มีความยินดีกับความสัมพันธ์ระหว่างไทย กับ เมียนมาร์ และขอขอบคุณประธานาธิบดีที่ร่วมกันผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้า ทั้งด้านเศรษฐกิจการค้า และการลงทุน รวมถึงการจ้างแรงงานในเมียนมาร์ และ ไทย และการปราบปรามยาเสพติด โดยไทย กับ เมียนมาร์จะฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 65 ปี ในปี 2556

ทั้งนี้ประเทศไทยพร้อมขยายความร่วมมือกับทางเมียนมาร์เพิ่มเติมซึ่งประเทศไทยได้พร้อมที่จะเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วม หรือ เจซี ซึ่งเมียนมาร์จะเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปและเสนอให้มีการจัดตั้ง สมาคมมิตรภาพเมียนมาร์-ไทย คู่ขนานไปกับสมาคมไทย-พม่า เพื่อมิตรภาพที่ฝ่ายไทยได้จัดตั้งขึ้นแล้ว

พร้อมกันนี้ได้แสดงความยินดีกับการพัฒนาที่กำลังดำเนินอยู่ของเมียนมาร์และยืนยัน ว่า พร้อมที่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยได้เสนอแผนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาประกอบไปด้วย 4 สาขาหลักคือ.เสริมสร้างขีดความสามารถของบุคลากรเมียนมาร์ 2. การเตรียมความพร้อมเป็นประธานอาเซียนของเมียนมาร์ในปี พ.ศ.2557  3.การปฎิรูปเศรษฐกิจและพัฒนาทางเลือก และ 4. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

ขณะเดียวกันได้ยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการร่วมกันผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลึกให้สำเร็จเป็นรูปธรรม ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายที่พ้องต้องกันที่จะเชื่อมโยงท่าเรือน้ำลึกที่ทวายเข้ากับท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองประเทศและภูมิภาค โดยเมียนมาร์จะได้รับผลประโยชน์จากการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมทวายส่วนไทยจะได้รับประธยชน์จากการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีสเทินร์ซีบอร์ด

นอกจากนี้ยังได้หารือว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะได้ตกลงกันเพื่อจัดตั้งคณะทำงานระดับรัฐมนตรีที่จะประชุมร่วมกันในเดือนสิงหาคมเพื่อ พิจารณาประเด็นต่าง ๆ ที่คั่งค้าง และแนวทางในการขยายพื้นที่เศรษฐกิจร่วมกัน รวมถึงการดูแลให้ความสำคัญกับชุมชนพื้นที่บริเวณนั้นอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ดีเห็นควรส่งเสริมและพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวชายแดนเพิ่มมากขึ้น โดยตนเองเสนอให้มีการเปิดจุดผ่านแดนไทย-เมียนมาร์ ถาวร ได้แก่ จุดผ่านแดน กิ๋วผาวอก จ.เชียงใหม่ จุดผ่านแดนบ้านห้วยต้นนุ่น  จ.แม่ฮ่องสอน และ จุดผ่านแดนบ้านพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี ซึ่งขณะนี้ไทยกำลังพิจารณาถึงความเหมาะสมถึงการเปิดจุดผ่อนปรน บ้านตะโกบน จ.ราชบุรี

นอกจากนี้ยังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและเมียนมาร์ 3   ฉบับ ประกอบไปด้วย

1.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นการยืนยันพันธะสัญญาของฝ่ายไทยที่จะร่วมมือกับเมียนมาร์ในการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกดังกล่าว และนิคมอุตสาหกรรมทวาย รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น

2.บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในเมียนมาร์ซึ่งอยู่ใน 4 สาขาหลักดังที่ได้กล่าวไปแล้ว

3. ถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยการจัดตั้งเวทีหารือด้านพลังงาน ซึ่งตนเองมีความเชื่อมั่นว่าความตกลงเหล่านี้จะช่วยให้การพัฒนาการและความร่วมมือระหว่างไทยกับเมียนมาร์เป็นไปอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้น  อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่าย ได้ตกลงที่จะร่วมมือในการพัฒนาการผลิตข้าวของเมียนมาร์และความร่วมมือด้านแรงงาน ซึ่งไทยได้รับที่จะดูแรงงานเมียนมาร์ด้วยความเป็นธรรม และมีสิทธิภายใต้กฎหมายไทย และหวังว่าการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเมียนมาร์ครั้งนี้จะส่งเสริมความร่วมมือ ทั้ง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อประโยชน์การพัฒนาของทั้งสองประเทศต่อไป

พล.อ.เต็ง เส็ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ กล่าวว่า รัฐบาลพม่าขอขอบคุณทางการไทยที่ตระหนักถึงความสำคัญของการปฎิรูปการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งการหารือของทั้งสองผู้นำได้หารือถึงการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนรวมถึงการขนส่งเส้นทาง ทวายถึงแหลมฉบัง และ แสดงความซาบซึ้งที่รัฐบาลไทยสนับสนุนการปฎิรูปการเมือง และเศรษฐกิจ และขอบคุณรัฐบาลไทย และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง