"กิตติรัตน์" แจงเอาการท่องเที่ยวมาเสริมทัพเศรษฐกิจ แทนส่งออกที่มีต้นทุนสูง

เศรษฐกิจ
2 ส.ค. 55
00:28
3
Logo Thai PBS
"กิตติรัตน์" แจงเอาการท่องเที่ยวมาเสริมทัพเศรษฐกิจ แทนส่งออกที่มีต้นทุนสูง

มั่นใจเป้าท่องเที่ยวเกิน 21 ล้านคน ด้านปรับลดการเติบโตเศรษฐกิจ ธปท. เป็นเรื่องเข้าใจได้ และไทยไม่ต้องการการส่งออกที่โตมากๆ เงินบาทอ่อนค่าเหมาะสมไม่กลัวเงินเฟ้อเพราะมีเครื่องมือมาก

 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยมีนายสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมซึ่งสถานการณ์เศรษฐกิจประเทศไทยในขณะนี้ยังมีความเข้มแข็ง มีเสถียรภาพที่ดี ขณะที่คนส่วนใหญ่กังวลเรื่องยอดการส่งออกของสกุลเงินสหรัฐที่ติดลบอยู่ แต่ถ้าเศรษฐกิจเชิงมหภาคจะสนใจยอดการส่งออกที่เป็นเงินบาทมากกว่าซึ่งในขณะนี้มีสัดส่วนที่โตได้ ขณะที่ธุรกิจด้านการบริการก็เข้ามาช่วยเสริมและแทนที่

 
นายกิตติรัตน์กล่าวว่าในระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องนักท่องเที่ยวมาไทยถึง 12.9 ล้านคน จึงมั่นใจว่าปีนี้จะมียอดนักท่องเที่ยวมาไทยทะลุเป้าที่ 21 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวกและในวันนี้(1 สิงหาคม)ท่าอากาศยานดอนเมืองเริ่มเปิดให้สายการบินต่างๆมาใช้บริการ ซึ่งจะช่วยรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวได้มากมั่นใจว่าภาคการท่องเที่ยวจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างรายได้เข้าประเทศที่สำคัญอีกตัวหนึ่ง  เนื่องจากมีส่วนเหลือในระบบเศรษฐกิจสูงกว่าภาคการผลิตและภาคการส่งออกเพราะการผลิตต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศจำนวนมาก 
 
“ส่วนการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดความเติบโตทางเศรษฐกิจนั้น เป็นเรื่องเข้าใจได้แต่ถ้าบรรยากาศดีขึ้นก็คงต้องปรับขึ้น ส่วนเป้าการทำงานของผมไม่ขยับขึ้นขยับลงง่ายๆ การที่ปรับจีดีพีร้อยละ 1 หมายถึงยอด 1 แสนล้านบาท ดังนั้นการปรับยอดจีดีพีทีละครึ่งเปอร์เซ็นต์ไปมาตัวเลขประมาณ 6 หมื่นล้านเท่านั้นเองในมุมของคนทำงานคงไม่ต้องไปปรับอย่างนั้น ไม่ได้ส่งสัญญาณทางจิตวิทยาอะไรและค่าเงินบาทในขณะนี้มีความเหมาะสม เราสามารถคุมเรื่องเงินเฟ้อได้ไม่ยาก การทำงานบูรณาการข้ามกระทรวง 5 กระทรวงเช่นกระทรวงพลังงานและกระทรวงพาณิชย์ก็ดูแลได้ เศรษฐกิจมหาภาคมีเครื่องมือในการดำเนินการเยอะ การส่งออกที่โตมากๆ หรือมีดุลการค้ามากๆ ไม่ใช่ภาวะที่เราต้องการในขณะนี้”นายกิตติรัตน์กล่าว 
 
นายกิตติรัตน์กล่าวต่ออีกว่า โครงการรับจำนำข้าวว่า รัฐบาล ยังคงเดินหน้าโครงการรับจำนำข้าวเช่นเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบโครงการเข้าใจว่าคนที่เป็นห่วงอาจไม่มีข้อมูลเท่ากับตนและนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  ยืนยันว่ายังสามารถดำเนินการได้  ดูแลได้  และจำหน่ายได้  พร้อมปฏิเสธกรณีมีสื่อต่างชาติบางฉบับออกข่าวว่าเกิดการขาดทุนในยอดตัวเลขที่สูงกว่าการรับจำนำ ขอให้สบายใจได้ไม่ต้องเป็นห่วง
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หาช่องทางในการชดเชยตัวเลขการส่งออกของที่หายไปประมาณ 10% โดยให้ส่งออกไปยังประเทศที่มีความเข้มแข็งโดยทำตลาดในเชิงพื้นที่มากขึ้น ช่วยเหลือภาคการส่งออก ที่ควรทำมากในขณะนี้คือดุแลวิสาหกิจในประเทศให้เข้มแข็ง ซึ่งจากการหารือนั้นพบว่าการท่องเที่ยวขยายตัวดี การลงทุนภาครัฐเอกชนยังดี เรื่องเสถียรภาพทางการเงินดี เนื่องจากเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.92% ซึ่งเป้าทั้งปีต้องไม่ให้เกิน 3.8% ซึ่งคิดว่าทำได้ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยจะดุแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน 
“กระทรวงพลังงานยังห่วงเรื่องการปรับโครงสร้างราคาพลังงานที่เหมาะสม ที่ประชุมจึงสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเข้าไปดูแลและทำความเข้าใจ สร้างความเชื่อมั่นต่อหน่วยงานและประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ยืนยันว่าจะยังไม่ปรับราคาแอลพีจีภาคครัวเรือน และรัฐบาลไม่ปรับเป้าส่งออกที่ 15% เนื่องจากอาจมีเรื่องไม่ขาดฝันเกิดขึ้น เช่น เรื่องข้าวที่ปีที่แล้วส่งออกได้ถึง 9.6 ล้านตัน ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้คณะกรรมการที่ดูเรื่องการส่งออกทั้ง 4 คณะให้มีแผนการดำเนินการที่ชัดเจนอะไรที่ทำแล้วมีผลสำเร็จก็ควรเสนอ”นายยรรยงกล่าว 
 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง