นักวิชาการทีดีอาร์ไอ ชี้ จำนำข้าว รัฐจะสูญอีกเกือบแสนล้าน ขณะธปท. เผย ผลกระทบตกที่เกษตรกร

ในงานเสวนาวิพากษ์นโยบายอุดหนุน และตรึงราคาของรัฐบาล ที่มีเสียงสะท้อนว่า กำลังสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยนักวิชาการและนักการเงิน การธนาคารบางคน เห็นว่า รัฐบาลควรยกเลิกนโยบายดังกล่าว โดยเฉพาะการรับจำนำข้าว เพราะเกิดปัญหาทั้งการทุจริต และไม่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรอย่างแท้จริง แต่เอื้อประโยชน์ให้กับบางกลุ่มเท่านั้น

นายอัมมาร์ สยามวาลา นักวิชาการเกียรติคุณ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวใช้งบประมาณ 200,000-300,000  ล้านบาท แต่จะสูญเปล่า เนื่องจากข้าวในสต็อกเสื่อมคุณภาพ และการเตรียมรับจำนำข้าวรอบใหม่ จะทำให้สูญเงินอีก 70,000 - 80,000 ล้านบาท

นอกจากนี้การซื้อข้าวมาเก็บในสต็อก 10 ล้านตัน โดยไม่สามารถทำการตลาดเองได้ แม้จะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกสูงขึ้นในระยะแรก แต่เมื่อรัฐบาลระบายข้าว จะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวทำให้รัฐบาลต้องขาดทุนมหาศาล ซึ่งผู้ได้รับประโยชน์จากโครงการรับจำนำคือ โรงสีและพ่อค้า โดยเงินจากโครงการถึงมือชาวนาเพียงร้อยละ 37

ด้านนายบรรยง  ไทยเจริญ ผู้บริหารกลุ่มยุทธศาสตร์องค์กร ธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นว่า การอุดหนุนของรัฐบาลไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ไม่ควรอุดหนุนโดยฝืนกลไกของตลาด และยาวนานเกินไป เพราะจะมีผลกระทบอื่นตามมา โดยเฉพาะราคาเชื้อเพลิง ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด แต่หากเกิดวิกฤติราคาพลังงาน อาจใช้กองทุนน้ำมันมาอุดหนุนชั่วคราว

นายบรรยง  ยังระบุอีกว่า การอุดหนุนราคาสินค้าและบริการ มักมีต้นทุนแฝงที่มองไม่เห็น เช่น การตรึงราคาก๊าซหุงต้มยาวนานกว่า 20 ปี ทำให้ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น และเชื่อว่า คนไทยใช้เชื้อเพลิงเท่าเดิม แต่ส่วนที่เหลือถูกลับลอบนำไปใช้ภาคอุตสาหกรรมอื่น นอกจากนี้ การอุดหนุนราคานั้นเอื้อประโยชน์ให้เฉพาะคนบางกลุ่ม รวมทั้งนักการเมือง แต่ผู้เสียประโยชน์คือประชาชน เนื่องจากใช้งบประมาณจากเงินภาษีของประชาชน