กระทวงพาณิชย์ยืนยัน "โครงการรับจำนำข้าว" ไม่ผิดกฎองค์การการค้าโลก

เศรษฐกิจ
9 ส.ค. 55
14:15
14
Logo Thai PBS
กระทวงพาณิชย์ยืนยัน "โครงการรับจำนำข้าว" ไม่ผิดกฎองค์การการค้าโลก

กระทรวงพาณิชย์ยืนยันโครงการรับจำนำข้าว ไม่ขัดกฎการอุดหนุนสินค้าเกษตรขององค์การการค้าโลก หรือ WTO เนื่องจากไม่ได้ทำให้สินค้ามีต้นทุนต่ำจนบิดเบือนกลไกตลาดโลก หลังจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ เตรียมส่งผู้แทนมาไทยในปลายเดือนนี้ เพื่อตรวจสอบข้อมูลนโยบายรับจำข้าวของไทย

<"">
<"">

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวของไทยไม่ขัดกฎการอุดหนุนสินค้าเกษตร ตามความหมายขององค์การการค้าโลก หรือ WTO ที่ระบุว่า การอุดหนุน คือ การลดต้นทุนสินค้าของประเทศตนเองทำให้มีราคาถูก ได้เปรียบผู้ส่งออกสินค้ารายอื่นจนบิดเบือนกลไกการค้าในตลาดโลก

สำหรับโครงการรับจำนำข้าวต้องการช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มและส่งออกข้าวได้มากขึ้น ไม่ได้ทำให้ต้นทุนราคาข้าวลดลงจึงถึงว่าไม่ขัด พร้อมขอให้ฝ่ายค้าน นักวิชาการ และผู้เกี่ยวข้อง นำเสนอข้อมูลที่แท้จริง

กฎเกณฑ์ทางการค้าที่สำคัญของดับเบิ้ลยูทีโอกำหนดห้ามเลือกปฎิบัติต่อประเทศสมาชิก เพื่อความเป็นธรรมในการแข่งขัน โดยต้องให้สิทธิทัดเทียมกันทั้งสินค้าในประเทศ และที่นำเข้า นอกจากนี้หากมีการอุดหนุนสินค้า ประเทศสมาชิกต้องห้ามส่งออกสินค้านั้นๆ เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบ

ในประเด็นดังกล่าวนี้ ผศ.ลาวัณย์ ถนัดศิลปกุล ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ เห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวเข้าข่ายผิดข้อตกลง เพราะไทยห้ามนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน และไม่สามารถห้ามส่งออกข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำ ซึ่งถือว่าเป็นการอุดหนุนทางอ้อมและแม้วัตถุประสงค์โครงการเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกร แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น เพราะเป็นการนำข้าวเข้ามาเก็บ และให้เงินเกษตรกร ส่วนราคาจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่นราคาตลาดโลก และการกดดันราคาของประเทศคู่แข่งและเห็นว่ารัฐบาลควรทบทวนผลความคุ้มค่าในการดำเนินนโยบาย

ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เห็นสอดคล้องว่าน่าจะเข้าข่ายผิดข้อตกลงที่กำหนดให้การอุดหนุนสินค้าเกษตร ไม่เกินปีละไม่เกิน 2 หมื่นล้านบาท และต้องไม่ให้ราคาบิดเบือนเกินร้อยละ 10 ของมูลค่าผลผลิตแต่โครงการรับจำนำข้าวที่ผ่านมาใช้เงินแล้วประมาณ 260,000 ล้านบาท บิดเบือนตลาดราคา ประมาณ 150,000 ล้านบาท หรือตันละ 5,000 บาท หรือร้อยละ 57


ข่าวที่เกี่ยวข้อง