เหตุระเบิดรถยนต์ที่ลานจอดรถเทศบาลตำบลปะนาเระ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่แรงระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักกว่า 20 กิโลกรัมที่จุดฉนวนด้วยโทรศัพท์มือถือทำให้รถยนต์ที่จอดบริเวณใกล้เคียงเสียหายทันที 7 คัน และ ยังทำให้อาคารที่พักของตำรวจภูธรปะนาเระ ซึ่งอยู่ติดกันเสียหายทั้งหมด
การสอบปากคำผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า รถยนต์ประกอบระเบิดขับเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเดินออกไปจากลานจอดรถแล้วขึ้นรถปิคอัพอีซูซุสีฟ้าหลบหนีไป ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบหมายเลขเครื่องรถยนต์ที่นำมาประกอบระเบิด รวมถึงแผ่นป้ายทะเบียนปลอมที่มีหมายเลขทั้งสองด้าน คือ กข.2585 ปัตตานี และอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นแผ่นป้ายทะเบียนสีเขียว บฉ 2585 ยะลา โดยคาดว่า น่าจะเป็นรถที่ถูกฆ่าชิงทรัพย์ในพื้นที่มาก่อนหน้านี้
ส่วนเหตุรุนแรงเกือบ 20 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมาทั้งที่อำเภอโคกโพธิ์ และอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คนที่พบในภาพวงจรปิด ขณะร่วมกันนำยางรถยนต์จุดไฟเผาหัวจ่ายปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ในตำบลมะกรูด อำเภอโคกโพธิ์ โดยเชื่อว่าเป็นแนวร่วมในพื้นที่
พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า ระบุถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยที่เกิดขึ้นต่อเนื่องระยะนี้ว่า เจ้าหน้าที่พยายามปรับแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และห้วงเวลาอยู่ตลอด โดยยังเน้นการตั้งด่านตรวจบุคคลและวัตถุต้องสงสัยในพื้นที่ที่คาดว่า อาจตกเป็นเป้าหมาย
ขณะที่เหตุไม่สงบที่เกิดขึ้นต่อเนื่องช่วงเดือนรอมฎอน หรือ เดือนถือศีลอดเชื่อว่า เป็นเพราะกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบต้องการยกระดับเหตุรุนแรงในภาคใต้ให้เป็นความขัดแย้งนานาชาติ
ขณะที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเหตุความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้แจ้งเตือนหน่วยงานในพื้นที่เพิ่มความระวังการก่อเหตุช่วง 4 วันปลายเดือนรอมฎอน ซึ่งอาจก่อเหตุในเมืองเพื่อให้เป็นข่าว พร้อมยอมรับการติดตามรถที่ถูกโขมยและอาจนำไปใช้ก่อเหตุเป็นเรื่องยากลำบากเพราะมักนำไปซุกซ่อนในป่า หรือ สวนยาง ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุขณะนี้เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่รวมตัวขึ้นใหม่โดยแยกมาจากกลุ่มอาร์เคเคมีแนวร่วมไม่เกิน 9,000 คน ซึ่งฝ่ายรัฐกำลังพูดคุยทำความเข้าใจเพื่อสร้างสันติภาพในพื้นที่ภาคใต้