สภาพัฒน์เผยไทยยังไม่เลิกนำเข้า
ศาสตรเมธี สุปรีดิ์ วงศ์ดีพร้อม ประธานคณะทำงานการพัฒนาคุณภาพชีวิตสาธารณสุขและคุ้มครองผู้บริโภค สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวในที่ประชุมสัมมนา ติดตามความก้าวหน้า เรื่อง การจัดการอันตรายจากแร่ใยหิน ชนิดไครโซไทล์ เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพผู้บริโภค ตามที่มติคณะรัฐมนตรีให้ยกเลิกการนำเข้าและผลิต ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหินแอสเบสเตส เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 เนื่องจากพบเป็นสารอันตรายต่อเยื่อหุ้มปอด
ดังนั้น หน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ต้องวางแผนเลิกการผลิต โดยการหาสารทดแทน แต่ปัจจุบันกลับพบว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีแผนดำเนินงานเพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม. แต่มอบหมายให้มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมมาธิราชศึกษาเรื่องนี้ ซึ่งแผนเบื้องต้นพบว่า มีการยืดเวลายกเลิกการนำเข้าไปอีก 5 ปี แต่จากข้อมูลการนำเข้าในปี 2554 พบว่า มีมากถึงกว่า 81,411ตัน ซึ่งสูงกว่าปี 2553 ที่นำเข้า 79,250 ตัน ทำให้มีความเป็นห่วงการดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว ซึ่งจะต้องวางแผนยกเลิกการนำเข้าในทันที
ศาสตรเมธี สุปรีดิ์ ยังระบุอีกว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแร่ใยหิน เช่น กระเบื้องมุงหลังคาที่มีปริมาณการใช้มากนั้น ปรากฏว่า ประเทศไต้หวัน จะยกเลิกการใช้แร่ใยหินในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2556 หลังมีมติจากรัฐบาลให้ยกเลิก แต่ประเทศไทย กลับรอผลการศึกษาและขยายเวลาการยกเลิกการใช้ออกไป ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงกับประชาชน ส่วนผ้าเบรค หากยังมีปัญหาเรื่องการหาสิ่งทดแทน ก็สามารถอนุโลมยืดเวลาในการยกเลิกการใช้ออกไปก่อนได้