สินค้าและบริการเตรียมปรับขึ้นราคาไม่น้อยกว่าร้อยละ 5
การลอยตัวราคาแก๊สหุงต้ม หรือแอลพีจีภาคอุตสาหกรรม ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ ส่งผลให้รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาตรการบรรเทาภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมกระจกและเซรามิกส์ ซึ่งไม่สามารถปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เชื้อเพลิงอื่นได้ ส่วนการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ เพื่อให้ผู้ใช้ไฟน้อยกว่า 90 หน่วยเป็นมาตรการถาวร ก่อนผลักภาระค่าไฟยังอุตสาหกรรม ส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการอาจขึ้นราคาไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 อย่างแน่นอน
นายธนิต กล่าวอีกว่า การปรับขึ้นค่าแรงครั้งที่ 2 เฉลี่ยเพิ่มขึ้นวันละ 26 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการตามห่วงโซ่การผลิต มีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นปีละ 5 พัน 4 ร้อยล้านบาท และจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้า ซึ่งส่งผลกระทบขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศคู่แข่งต่างประเทศอย่างแน่นอน
ผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมฯบางรายระบุว่า การปรับขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำที่ผ่านมา ไม่สะท้อนภาวะเศรษฐกิจของพื้นที่อย่างแท้จริง โดยเฉพาะอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งสูงกว่าความเป็นจริง และการปรับขึ้นค่าจ้างรอบ 2 อาจเพิ่มแรงกดดันให้ดัชนีเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น ทั้งยังผลักภาระปัญหาในรัฐบาลชุดใหม่อย่างแน่นอน