แม่ทัพภาคที่ 4-นักวิชาการ ระบุ ผู้ก่อความไม่สงบภาคใต้ มุ่งทำร้ายประชาชนมากขึ้น

ความเห็นของผู้อำนวยการสถาบันวิจัยความขัดแย้ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์มองว่า การเคลื่อนไหวของขบวนการ เพื่อข่มขู่ให้ร้านค้างดกิจกรรมการค้าขายในวันศุกร์ ถือเป็นการต่อสู้ในเชิงสัญญลักษณ์ และบอกให้เห็นถึงอิทธิพลที่มีต่อประชาชนในพื้นที่

ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 4 ตั้งข้อสังเกตการก่อความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กระทำต่อ สตรี ผู้สูงอายุ ครู และนักเรียนช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่าสะท้อนความล้มเหลวด้านงานการเมือง ทำให้ผู้ก่อเหตุหันมาใช้มาตราการด้านการทหารสร้างความหวาดกลัว และอาจมีความขัดแย้งแนวทางการต่อสู้ภายในขบวนการเอง

ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี สตรี ผู้สูงอายุ ครู และนักเรียน ได้รับความเสียหายจากปฏิบัติการทางทหารของขบวนการแบ่งแยกดินแดน BRN ทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เชื่อว่าเป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐ หลังกองทัพภาคที่สี่มีนโยบายพูดคุยเพื่อสร้างสันติภาพ ดึงอดีตกองกำลัง RKK ของBRN ส่วนหนึ่ง เข้าร่วมในกระบวนการสันติภาพ

แม่ทัพภาคที่สี่ตั้งข้อสังเกตการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มุ่งทำร้ายประชาชนมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของงานการเมืองในกลุ่มขบวนการ และเชื่อว่าเกิดความขัดแย้งภายในของกลุ่มขบวนการต่อแนวทางการต่อสู้ จึงทำให้ผู้ปฏิบัติงานส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกระทำต่อประชาชนทั่วไป อาจตัดสินใจยุติการร่วมปฏิบัติการกับขบวนการ

ผศ.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยความขัดแย้ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ตั้งข้อสังเกตในลักษณะเดียวกัน เชื่อว่าผู้ก่อเหตุหันมาใช้มาตรการทางทหารกับประชาชน น่าจะเกิดจากความขัดแย้งในแนวทางทำงานภายในขบวนการ สะท้อนความล้มเหลวด้านงานการเมืองของผู้ก่อเหตุ จึงต้องใช้วิธีการสร้างความหวาดกลัวกับประชาชน

แม้จะส่งผลเสียหายต่อขบวนการในระยะยาว แต่การก่อเหตุรุนแรงก็ทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเสียหายเช่นกัน เนื่องจากไม่สามารถให้ความคุ้มครองในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนได้ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของขบวนการ เพื่อข่มขู่ให้ร้านค้างดกิจกรรมการค้าขายในวันศุกร์ ถือเป็นการต่อสู้ในเชิงสัญญลักษณ์ และบอกให้เห็นถึงอิทธิพลที่ยังมีต่อประชาชนในพื้นที่