รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 วันนี้(7ต.ค.55) พายุแกมีอ่อนกำลังลงจากพายุโซนร้อน เป็นพายุดีเปรสชั่นแล้ว โดยอ่อนกำลังลงเป็น 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยังคงเคลื่อนไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 18 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพื้นที่โดยรอบระยะทาง 300 กิโลเมตรจะได้รับผลกระทบจากพายุลูกนี้
รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยังย้ำว่า ขณะนี้แนวหน้าของพายุแกมีเริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทยแล้ว และจะมีผลเต็มที่ในคืนวันนี้ (7ต.ค.55) ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.55) ที่จะทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคใต้บางส่วน
ขณะนี้ชาวชุมชนสังฆสันติสุข เขตหนองจอก นำรถยนต์มาจอดบนถนนสายหลัก หลังจากน้ำที่คลองแสนแสบเอ่อล้นเข้าท่วมชุมชนอย่างรวดเร็ว ในวันที่ 16 กันยายน สูง 30 เซนติเมตร จนถึงวันนี้ (7ต.ค.55) น้ำยังท่วมขังและส่งกลิ่นเหม็น
ขณะที่ชาวบ้านยังกังวลใจกับอิทธิพลของพายุแกมีที่จะทำให้มีฝนตกหนักมากในภาคกลางภายใน 1 - 2 วันนี้ จะส่งผลให้ระดับน้ำในคลองแสนแสบเพิ่มสูงขึ้นอีก 50 เซนติเมตร จนจะทำให้ระดับน้ำที่ท่วมชุมชนเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ชาวบ้านจึงขนทรัพยสินและของมีค่าขึ้นที่สูง เพราะน้ำเข้าท่วมชั้น 1 ของบ้านแล้ว พร้อมทั้งสร้างสะพานไม้ในชุมชนเพื่อให้ชาวบ้านใช้สัญจรเดินทางไปทำงานได้ เพราะไม่มั่นใจว่า คืนนี้ฝนจะตกหนักหรือไม่
ขณะที่ชาวบ้านคลอง 2 เขตสายไหม ยอมรับว่า กังวลใจกับอิทธิพลของพายุแกมี แต่ระดับน้ำในคลอง 2 ยังต่ำกว่าตลิ่ง 10 เมตร จึงทำให้ชาวบ้านยังไม่ขนสองขึ้นที่สูง
อิทธิพลของพายุแกมี ยังทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.บุรีรัมย์ และจ.ยโสธร มีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ส่งผลให้น้ำในอ่างเก็บน้ำ 22 แห่งของบุรีรัมย์เพิ่มขึ้น และบางแห่งเกินระดับกักเก็บ เช่นที่อ่างเก็บน้ำลำตะโคง อ.แคนดง น้ำเริ่มล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมนาข้าวในอ.นางรอง และอ.ลำปลายมาศ แต่ยังไม่ท่วมบ้าน เช่นเดียวกับจ.อุบลราชธานี ที่น้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 12 แห่ง มีน้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ 75
ในภาคเหนือหลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง ทั้งที่อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และจ.พิจิตร ชาวนาจึงเร่งเกี่ยวข้าวเพราะเกรงจะได้รับผลกระทบจากอิทธิพลพายุแกมี ที่จ.ลำปาง ปภ.ลำปาง สำรวจพื้นที่บ้านแม่ปะดอย อ.เถิน ที่ลำห้วยแม่ปะล้นตลิ่งทุกปี จึงเตรียมเสนอโครงการเสริมคันดินสูงบริเวณสองฝั่งลำห้วย เพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาว
ที่จ.อุทัยธานี น้ำในอ่างเก็บน้ำทับเสลา อ.ลานสัก และอ่างเก็บน้ำห้วยขุนแก้ว อ.ห้วยคต อยู่ที่ร้อยละ 64 ยังรับน้ำได้อีก แต่เจ้าหน้าที่ยังต้องเฝ้าระวังระดับน้ำที่อาจเพิ่มขึ้น