"จับตา" กระแสคัดค้าน ขึ้นราคา "แอลพีจี" หลังรัฐฯ ประกาศขึ้นอย่างน้อย 6 บาท/กก.

16 ธ.ค. 55
13:31
57
Logo Thai PBS
"จับตา" กระแสคัดค้าน ขึ้นราคา "แอลพีจี" หลังรัฐฯ ประกาศขึ้นอย่างน้อย 6 บาท/กก.

ตั้งแต่ปีหน้า กระทรวงพลังงานจะปรับขึ้นราคาแอลพีจี ทั้งภาคครัวเรือนและภาคการขนส่ง อย่างน้อย 6 บาท/กิโลกรัม จากราคาปัจจุบันประมาณ 18 บาทต่อกิโลกรัม โดยจะทยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์/กิโลกรัม

ขณะที่เครือข่ายธรรมาภิบาลด้านพลังงาน เตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านในวันพรุ่งนี้(17ธ.ค.55) โดยเห็นว่า การปรับขึ้นราคาโดยให้ภาคประชาชนแบกรับภาระนั้นไม่เป็นธรรม และรายได้จะตกอยู่กับบริษัท ปตท.และบริษัทปิโตเคมี

โดยในวันพรุ่งนี้ เวลา 10.00 น. เครือข่ายธรรมาภิบาลด้านพลังงาน นำโดยนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา จะเคลื่อนไหวคัดค้านการปรับขึ้นแอลพีจี ที่ถนนสีลม ซึ่งเป็นย่านธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร โดยจะใช้วิธีเคาะตะหลิวกับกระทะเป็นสัญญลักษณ์การต่อต้าน พร้อมแจกเอกสาร "ตีแผ่ความจริง... ก๊าซหุงต้ม ใครปล้นคนไทย?" โดยมีตัวแทน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, เครือข่ายสลัม 4 ภาค, คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย กลุ่มทวงคืนพลังงาน และเครือข่ายแรงงานนอกระบบเข้าร่วม

ทั้งนี้ เหตุผลของกระทรวงพลังงาน และปตท.ที่ต้องปรับขึ้นราคา เพราะอ้างว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น จึงทำให้ราคานำเข้าแอลพีจี ต้องปรับเพิ่มขึ้นไปด้วย

 

<"">
 
<"">

โดยเหตุผลที่ต้องนำเข้าแอลพีจีนั้น แม้ว่าไทยจะผลิตได้เองในสัดส่วนร้อยละ 55 แต่ปัจจุบันมีการใช้แอลพีจีเพิ่มมากขึ้น ทั้งภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง จากปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น จึงต้องนำเข้า ส่วนเหตุผลที่ต้องปรับขึ้นภาคครัวเรือน และขนส่ง เป็นเพราะไม่ได้ปรับขึ้นในกลุ่มนี้มาหลายปีแล้ว

สำหรับการปรับขึ้นนั้นจะส่งผลให้รัฐชดเชยให้คน 3 กลุ่ม คือ ผู้มีรายได้น้อย ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ที่มีกว่า 3 ล้านครัวเรือน และกลุ่มผู้ไม่มีไฟฟ้าใช้อีก กว่า 1.9 แสนครัวเรือน ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้ มีรวมกันกว่า 3.8 ล้านครัวเรือน หรือ ชดเชยให้ครัวเรือนละไม่เกิน 6 กิโลกรัมต่อเดือน

รวมถึงกลุ่มแผงร้านค้าหาบเร่แผงลอย ที่มีเกือบ 400,000 ราย ก็จะได้รับการอุดหนุน 150 กิโลกรัมต่อเดือน ซึ่งทั้งหมดภาครัฐมั่นใจว่า จะไม่กระทบต่อการปรับขึ้นราคาสินค้า

แต่กลุ่มผู้คัดค้านกลับเห็นว่า แม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น แต่ไทยมี แอลพีจี ที่ผลิตได้ในประเทศมากถึงร้อยละ 55 จึงไม่จำเป็นต้องอ้างอิงราคาซื้อขายจากตลาดโลก และข้ออ้างที่ว่าภาคครัวเรือน และขนส่งใช้แอลพีจี เพิ่มขึ้น ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ภาคปิโตเคมี ก็มีสัดส่วนใช้ก๊าซใกล้เคียงกัน แต่กระทรวงพลังงานไม่เคยกล่าวถึง

 

<"">
 
<"">

ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องนำเข้า แอลพีจีจริง เหตุใด ไม่ให้ภาคปิโตเคมีรับผิดชอบ แต่กลับโยนภาระให้ภาคครัวเรือน และภาคขนส่งรับผิดชอบ ซึ่งหากปรับราคา แอลพีจีในปีหน้า ก็จะส่งผลให้ ภาคปิโตเคมี ได้ใช้แอลพีจี ในราคาถูก กว่าภาคครัวเรือน และภาคขนส่งทันที

พร้อมเห็นว่า การปรับขึ้น แอลพีจีของภาคครัวเรือน และขนส่ง จะส่งผลต่อราคาอาหารที่ต้องปรับขึ้นแน่นอนในปีหน้า รวมถึง ราคาแก๊ส 1 ถังตามบ้านเรือน ก็จะขยับขึ้นอีก 100 บาทจากราคาปัจจุบันในปีหน้า รวมถึงค่าไฟฟา และค่าครองชีพจะเพิ่มสูงตามมาด้วย

ในปีหน้าจะส่งผลให้ราคาแอลพีจี ทั้งภาคครัวเรือน และภาคขนส่ง มีราคาเดียวกันที่กิโลกรัมละ 24 บาท 82 สตางค์ ส่วนภาคอุตสาหกรรมจะยังไม่เปลี่ยนแปลงราคา โดยยึดราคาเพดานสูงสุดไม่เกิน 30.13 บาทต่อกิโลกรัม


ข่าวที่เกี่ยวข้อง