จากการตรวจเอกสารการระบายข้าวในสมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า พบความผิดปกติในหลายประเด็น เช่น ปริมาณข้าวที่มีการระบายมากกว่าที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติกำหนดให้ระบายครั้งละ 100,000 ตัน การไม่เปิดประมูลให้มีการแข่งขันการขายในราคาต่ำกว่าตลาด
ทั้งนี้พบสัญญาการขายข้าวให้กับเอกชนประมาณ 10 รายจำนวน 20 - 30 สัญญา ปริมาณกว่า 4.13 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 .3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นราคาขายที่ต่ำกว่าราคาตลาด และทำให้รัฐสูญเสียรายได้ ไม่ต่ำกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท
นายณัฐวุฒิ ระบุด้วยว่า รัฐบาลที่ผ่านมาใช้วิธีขายข้าวแบบพิเศษโดยไม่เปิดการประมูลทำให้ผู้ส่งออกข้าวรับรู้ในวงจำกัดและ ข้าวที่ขายออกไป ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการส่งออกไปจริงหรือไม่ ซึ่งข้อมูลนี้พรรคเพื่อไทยได้นำส่งดีเอสไอแล้ว ซึ่งไม่เกี่ยวกับคณะทำงานตรวจสอบการขายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ที่มีนางวัชรี วิมุกตายน เป็นประธาน ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจจะได้ผลที่เหมือนกันหรือต่างกันก็ได้
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากบริษัทผู้เข้าร่วมประมูลรายหนึ่ง กล่าวว่า การเรียกรับผลประโยชน์จากการระบายข้าวเกิดขึ้นในทุกรัฐบาล ซึ่งยอมรับว่ารัฐบาลที่ผ่านมาได้ขายข้าวขาว ในราคาต่ำกว่าตลาด ที่ราคากิโลกรัมละ 11 - 12.60 บาท จากกิโลกรัมละ 14 - 15 บาท นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ไม่เคยทำธุรกิจค้าข้าวมาก่อนเข้าร่วมประมูล และเป็นนายหน้าขายข้าวในสต็อกของรัฐ ซึ่งเป็นวิธีการที่ใกล้เคียงกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน