นีลเส็น เผยผลสำรวจผู้ใช้อินเตอร์เน็ตทั่วโลกจำนวน 26,000 คน ใน 53 ประเทศ ทั้งในทวีปเอเชียแปซิฟิก ยุโรป ละตินอเมริกา ประเทศในแถบตะวันออกกลาง รวมถึงอเมริกาเหนือ เพื่อศึกษาว่าผู้บริโภคจะมีพฤติกรรมอย่างไรต่อสภาพเศรษฐกิจ เกี่ยวกับเรื่องสมาร์ทโฟน พบว่า เกือบ 1 ใน 2 ราว 47% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศไทยที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน แต่มีแนวโน้มที่จะซื้อสมาร์ทโฟน หรือจะซื้อแน่ ทั้งนี้ ในปี 2553 จำนวนเจ้าของสมาร์ทโฟนในประเทศไทย ในหมู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเติบโตขึ้น 8% ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่รวดเร็วมากพอกับสิงค์โปร์ เมื่อเทียบกับประเทศทั้ง 6 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงค์โปร์ มาเลเชีย ประเทศไทย อินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม
ในกลุ่มผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนั้น นีลเส็นพบว่า คนไทยอายุระหว่าง 50 – 54 ปี เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดระบุว่าพวกเขาเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนอยู่แล้ว 35% รองลงมากลุ่มอายุ 45 - 49 ปี 32% และ กลุ่ม 40-44 ปี และ 25-29 ปี 28 % เท่ากัน โดยผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเพศชาย มีแนวโน้มที่จะซื้อสมาร์ทโฟนมากกว่า
ผลวิจัยยังชี้ให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามเพศชายที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนมีความตั้งใจที่จะซื้อสมาร์ทโฟนมากกว่าเพศหญิง โดยมี ผู้ตอบชาย 53% ระบุว่ามีแนวโน้มที่จะซื้อสมาร์ทโฟน หรือจะซื้อแน่นอน เปรียบเทียบเพศหญิง 40% ทั้งนี้ ประมาณ 3 ใน 4 ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ราว 72%แสดงแนวโน้มที่จะซื้อสมาร์ทโฟนมากที่สุด รองลงมากลุ่มอายุ 25- 29 ปี 60% และกลุ่ม 45 -49 ปี 54%
มร.วิล หวัง ผู้อำนวยการด้านเทเลคอม นีลเส็น ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยรอคอยการเปิดตัวของ 3G อย่างเต็มรูปแบบ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไทยดูเสมือนว่า มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนมากเพื่อที่พวกเขาจะได้เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายสังคมออนไลน์และเพื่อการเล่นเกมออนไลน์ต่างๆ ผ่านทางไว-ไฟ (WiFi) หรือระบบอินเตอร์เน็ตในมือถือที่มีอยู่แล้ว
ผลวิจัยของนีลเส็น รายงานว่าขณะที่การส่งข้อความสั้น (SMS) หรือยังคงเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ด้วยคนไทย 83% ระบว่าได้ส่งข้อความผ่านมือถือใน 30 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ การใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น 45% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตไทยใช้อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือใน 30 วันที่ผ่านมา และครึ่งหนึ่งในกลุ่มคนจำนวนนี้เข้าใช้ อินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถืออย่างน้อยหนึ่งครั้งต่อวัน ตัวเลขนี้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นในปี 2554