ศาลอินเดียพิจารณาคดีรุมข่มขืนแบบปิด หวั่นเกิดความวุ่นวาย
ผู้ต้องหาทั้ง 5 คน อายุ 19-35 ปีถูกนำตัวไปขึ้นศาลในกรุงนิวเดลีเพื่อพิจารณาคดี ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยในระดับสูงสุดเพื่อปกป้องชีวิตของผู้ต้องหา เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยมีคนนำระเบิดไปวางไว้ใกล้กับบ้านของหนึ่งในผู้ต้องหา
ส่วนการพิจารณาคดีในวันนี้(7 ม.ค.)ศาลมีคำสั่งให้พิจารณาแบบปิด เนื่องจากมีประชาชนและสื่อมวลชนจำนวนมาก พยายามจะเข้าไปในห้องพิจารณาคดี จนเกิดความวุ่นวาย ศาลต้องสั่งให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้อง โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 คนถูกกล่าวหาว่ามีความผิดฐานลักพาตัว ปล้นและสมคบคิดกันทำร้ายผู้อื่น ส่วนผู้ต้องหารายที่ 6 เป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ถูกแยกตัวไปดำเนินคดีในศาลเยาวชน
ตามปกติแล้วการดำเนินคดีในลักษณะนี้ มักจะใช้เวลานานหลายเดือนกว่าศาลจะเริ่มการพิจารณา แต่สำหรับกรณีนี้ศาลใช้กระบวนการพิเศษที่เรียกว่า "ฟาสต์ แทรค" ทำให้การพิจารณาคดีเป็นไปอย่างฉับไว อัยการระบุว่ามีหลักฐานที่สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ ทั้งดีเอ็นเอของผู้ต้องหาในที่เกิดเหตุ คราบเลือดของผู้เสียชีวิตที่อยู่บนเสื้อผ้าของผู้ต้องหา รวมถึงการให้ปากคำของเพื่อนชายที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วย
กระแสการประท้วงในอินเดียได้ส่งอิทธิพลมาถึงประเทศเนปาลด้วย ที่กรุงกาฐมัณฑุผู้ชุมนุมหลายร้อยคน รวมตัวหน้าบ้านพักของนายกรัฐมนตรีเพื่อประท้วงการใช้ความรุนแรงต่อสตรี โดยการประท้วงเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 โดยเหตุการณ์ที่ปลุกกระแสความไม่พอใจของชาวเนปาล คือ กรณีที่หญิงสาววัย 21 ปีที่เดินทางกลับจากซาอุดิอาระเบีย ถูกเจ้าหน้าที่ของสนามบินนานาชาติกาฐมัณฑุปล้นทรัพย์สิน และยังถูกตำรวจข่มขืนซ้ำ นายบาบูรัน พัทตาไร นายกรัฐมนตรีของเนปาลบอกว่าจะจับกุมและนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ ในขณะที่ผู้ประท้วงในเนปาลมีข้อเรียกร้องคล้ายกับผู้ประท้วงในอินเดีย ที่ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการปกป้องสตรีจากเหตุการณ์รุนแรง