รวมถึงการพบกับผู้ประกอบการร้านต้มยำกุ้ง ประมาณ 100 กว่าคนพร้อมได้บรรยายพิเศษให้ฟัง รวมถึงเดินทางไปยังโรงเรียนที่นักเรียนไทยได้ศึกษาอยู่ในมาเลเซียและได้พบกับเด็กนักเรียนไทยประมาณ 90 คน และได้อธิบายสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสถานการณ์ในพื้นที่และนำข้อมูลไปแจ้งยังผู้ปกครองทราบ ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ดำเนินการในหลายด้านเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นอกจากนี้ยังได้ติดต่อและรอการตอบรับเพื่อขอเข้าพบนายมหาเธร์ มูฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เนื่องจากรัฐบาลมาเลเซียมอบหมายให้รัฐบาลมาเลเซียดูแลการพัฒนาเศรษฐกิจบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย และนอกจากนี้ยังเตรียมเดินทางไปยังประเทศอินโดนีเซียเพื่อหารือในเรื่องดังกล่าวต่อไปด้วย
ทั้งนี้ตามที่ทางการมาเลเซียได้รับหลักการไว้ก็คือ มีร้านต้มยำกุ้งทั้งสิ้น 65,00 แห่ง ใน13 รัฐของมาเลเซีย มีผู้ทำงาน 150,000 คน แต่มีผู้ขึ้นทะเบียน 6,900 คน เนื่องจากทางการมาเลเซียให้ขึ้นทะเบียนเฉพาะผู้ที่เป็นพ่อครัว-แม่ครัว และผู้ช่วยเท่านั้น โดยไม่ขึ้นทะเบียนสำหรับผู้ที่เป็นพนักงานเสิร์ฟ ซึ่งหากจะขึ้นทะเบยนในรูปแบบของพ่อครัวและผู้ช่วยพ่อครัวก็จะเสียค่าธรรมเนียมในอัตราที่สูง ซึ่งได้ประสานกับรองนายกฯซึ่งได้อนุมัติให้พนักงานเสิร์ฟเหล่านี้ได้ขึ้นทะเบียนซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มรายได้ให้กับบุคคลเหล่านี้ และสามารถนำเงินส่งกลับมาให้ครอบครัวในไทยซึ่งจะช่วยให้เมื่อถูกชักชวนไปในทางที่ไม่ดีก็จะปฏิเสธเพราะมีรายได้ที่ดี ซึ่งคาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
นอกจากนี้ยังจะมีการพูดคุยการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ต่อไป เนื่องจากต้องอาศัยความร่วมมือจากต่างประเทศควบคู่กันไปด้วย รวมถึงการนำคนกลางเป็นตัวแทนในการพูดคุยกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เพื่อนำไปสู่การสร้างสันติสุข
ร.ต.อ.เฉลิม ยังระบุว่า บรรยากาศโดยรวมไปได้ด้วยดี และมั่นใจว่าเดินมาถูกทาง และขณะนี้ได้หารือกับกองทัพอย่างใกล้ชิดทั้ง ผู้บัญชาการทหารบก เสนาธิการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 4 สภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงได้ร่วมหารือกับประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งมาเลเซียได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ซึ่งงานด้านความมั้นคงและยุทธศาสตร์จัให้เป็นหน้าที่ของกองทัพเป็นผู้ดูแล แต่งานในการพัฒนาเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ชายแดนหากเป็นไปได้ด้วยดีก็เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้