ชาวชลบุรีเรียกร้องนำซากของเสียเหตุเพลิงไหม้บ่อทิ้งกากอุตสาหกรรมออกจากพื้นที่ ป้องกันปนเปื้อนแหล่งน้ำ
เหตุเพลิงไหม้ในบ่อทิ้งกากอุตสาหกรรม พื้นที่ตำบลมาบไผ่ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา เเม้ว่าครั้งนั้นหน่วยงานจากท้องถิ่นจะสามารถควบคุมสถานการณ์ รวมถึงส่งหน่วยเเพทย์เข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น ให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากควันพิษได้ทันท่วงที เเต่ซากของเสียที่เกิดจากการเผาไหม้ กลับยังส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งกระจายไปทั่วชุมชน เเละกำลังทวีความรุนเเรงมากขึ้นเรื่อยๆ
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ใต้ทิศทางลม เเละห่างจากบ่อทิ้งกากอุตสาหกรรมเพียงไม่กี่เมตร กาญสิตา เหลืองโชคอำนวย ชาวตำบลมาบไผ่ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เจ้าของบ้านเล่าว่า หลังจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนั้น ทำให้การดำเนินชีวิตของเขาเเละครอบครัวลำบากมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาด้านสุขภาพที่เเย่ลงเรื่อยๆ เเม้ก่อนหน้านี้หน่วยงานท้องถิ่น จะขอให้เขาเเละเพื่อนบ้านในละเเวกใกล้เคียง อพยพออกจากพื้นที่ชั่วคราวจนกว่าจะมีการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาวะปกติ เเต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาดำเนินการเเก้ไข
ซากกากอุตสาหกรรมเหล่านี้ ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อชาวตำบลมาบไผ่เท่านั้น เเต่ยังเป็นปัญหาที่กลุ่มเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในลุ่มน้ำบางปะกง กังวลผลกระทบจากกากของเสียดังกล่าวปนเปื้อนในเเหล่งน้ำ เนื่องจากสภาพดินรอบๆบ่อขยะมีลักษณะดินปนทราย ซึ่งมีคุณสมบัติดูดซับน้ำได้ดี อีกทั้งพื้นที่ส่วนใหญ่ในอำเภอบ้านบึงเป็นที่สูง จึงมีความเป็นไปได้ที่กากของเสียในบ่อขยะ อาจซึมไปยังเเหล่งน้ำใกล้เคียง เเละไหลไปรวมกันที่เเม่น้ำบางปะกง ออกสู่ทะเลอ่าวไทย
บ่อขยะเเห่งนี้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ ขุดลึกลงไปกว่า 30 เมตร จากการตรวจสอบพบว่า ที่ดินดังกล่าวระบุเจ้าของคือ นายศรีไพร ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ เปิดใช้ เป็นบ่อทิ้งกากอุตสาหกรรมมาเเล้ว 7-8 เดือน กระทั่งชาวบ้านทนกลิ่นเหม็นไม่ไหว จึงร้องเรียนไปยังหน่วยงานท้องถิ่นให้เข้ามาดำเนินการ เเต่เกิดเพลิงไหม้ซะก่อน
เบื้องต้นทางองค์การบริหารส่วนตำบลมาบไผ่ ได้เเจ้งความเอาผิดกับนายศรีไพร ในข้อหาลักลอบขุดบ่อดินโดยไม่ได้รับอนุญาต เเละลักลอบนำสารอันตรายมาทิ้งในเเหล่งชุมชน ซึ่งขณะนี้นายศรีไพร อยู่ในระหว่างหลบหนี ขณะที่อุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี ได้เก็บตัวอย่างสารเคมีไปพิสูจน์หาต้นทางกากของเสีย เพื่อสืบหาผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป