กำลังตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองในจังหวัดสงขลา เพิ่มการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น เนื่องในวันครบรอบการสถาปนาขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติ หรือ บีอาร์เอ็น ซึ่งตรงกับวันที่ 13 มีนาคมของทุกปี ซึ่งพล.ต.ท.พิสิฎฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สั่งให้ทุกหน่วยงานดูแลพื้นที่ให้รัดกุม โดยเฉพาะพื้นที่เศรษฐกิจ ที่อาจตกเป็นเป้าหมาย
ส่วนแนวคิดจัดตั้งมหานครปัตตานีเพื่อแก้ปัญาหาเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวว่า พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ยอมรับว่า ผลสุดท้ายของการพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มบีอาร์เอ็น อาจหมายถึง การตั้งมหานครปัตตานี แต่ล่าสุดปฎิเสธว่ายังไม่มีแนวคิดนี้ โดยข่าวที่ออกมาเป็นเพียงการประเมินว่า แกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น จะเสนอเงื่อนไขนี้ในการเจรจากับรัฐบาล
แต่หากจะมีการจัดตั้งเขตปกครองพิเศษจริงจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร และยืนยันว่า การทำงานของรัฐบาลจะยึดกรอบรัฐธรรมนูญ และแนวทางการพุดคุย เพื่อสร้างความไว้วางใจเป็นหลัก
ขณะที่นายนิมุ มะกาเจ ผู้นำศาสนาจังหวัดยะลา เห็นว่า หากมีแนวคิดตั้งมหานครปัตตานี รัฐจะต้องสอบถามความต้องการของคนทั่วประเทศก่อนตัดสินใจ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นใหม่ และเห็นว่าการเลือกใช้คำว่า มหานครปัตตานี อาจอ่อนไหวเกินไป สำหรับกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยให้มีการแบ่งแยกดินแดน รัฐบาลจึงต้องทำความเข้าใจกับคนทุกกลุ่มว่า รัฐจะจัดรูปแบบการปกครองให้เหมาะสมกับอัตลักษณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญของไทย
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า แนวทางจัดตั้งมหานครปัตตานี เป็นข้อตกลงก่อนเปิดการลงนามอย่างเป็นทางการกับแกนนำบีอาร์เอ็น และจากนี้คงจะมีการเปิดเผยเหมือนโยนหินถามทางเป็นระยะ ซึ่งทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลง เพราะจากเดิมระบุเป็นเพียงการพูดคุยเท่านั้น ทำให้พรรคได้ตั้งข้อสังเกตว่า การแยกตัวเป็นมหานครปัตตานี อาจมีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนในพื้นที่ด้านพลังงานเกิดขึ้น