รอง ผบช.ภ.3 สั่งตรวจสอบรถหรูย้อนหลังใน จ.ศรีสะเกษ
การเก็บหลักฐานชิ้นส่วนภายในรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ 4 คัน ที่ถูกไฟไหม้บนถนนมิตรภาพ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ขณะลำเลียงไปส่งที่จังหวัดศรีสะเกษ เมื่อ 2 วันก่อน เจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน 3 พบหลักฐานการการดัดแปลงเลขตัวถังรถ และเลขเครื่อง โดยมีการปั้มตัวเลขใส่แผ่นเหล็กปิดทับของเดิม จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน และนำไปตรวจสอบหาความเชื่อมโยงถึงผู้ครอบครอง
พ.ต.อ.ภาณุ บูรณศิริ รองผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธร ภาค 3 ระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยาน และหลักฐาน เพื่อติดตามตัวเจ้าของรถยนต์ทั้ง 4 คันที่ถูกไฟไหม้ เบื้องต้นเชื่อว่ารถทุกคันถูกลำเลียงไปที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อจดทะเบียนที่ขนส่งจังหวัด ก่อนส่งมอบให้กับนายทุน พ.ต.อ.ภาณุ ระบุอีกว่า จะตรวจสอบการจดทะเบียนรถนำเข้าจากต่างประเทศย้อนหลังว่า เอกสารการนำจดทะเบียนรถถูกต้องหรือไม่
ขณะที่นายดนัย โคตรอาษา ขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถนำเข้ามาจดทะเบียนที่สำนักงานขนส่งจังหวัดศรีสะเกษ 7 คัน ซึ่งต้องมีเอกสารนำเข้าจากศุลกากร เอกสารการเสียภาษีสรรพสามิต ส่วนรถที่ดัดแปลงต้องมีใบรับรองจากวิศวกร
สำหรับเหตุการณ์ไฟไหม้ ซึ่งภาพช่วงเกิดเหตุ ถูกบันทึกโดยนายเอกพัฒก์ วิลามาศ คนขับรถบรรทุกรถยนต์คันที่เกิดไฟไหม้ แสดงให้เห็นว่าไฟได้ลุกไหม้รถบีเอ็มดับเบิ้ลยู เอ็กซ์ 6 เป็นคันแรก ก่อนลามไปที่รถคันอื่น ขณะที่รถบรรทุกจอดอยู่ข้างทาง โดยไม่มีร่องรอยเกิดอุบัติเหตุ แต่เมื่อดูอีกภาพเมื่อผ่านไปซักระยะจะเห็นตำแหน่งของรถบรรทุก เคลื่อนที่ไปอยู่บริเวณเกาะกลางถนน ซึ่งนายเอกพัฒก์ กล่าวว่า เป็นเพราะไฟลามไหม้สายเบรคลม ทำให้รถไหลลงไปในจุดดังกล่าว
นายเอกพัฒก์ ยังกล่าวถึงขั้นตอนการรับรถหรูทั้ง 6 คัน เมื่อคืนวันอังคารที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมาว่า การนัดหมายรับรถหรูทั้ง 6 คันได้เปลี่ยนจุดนัดหลายจุด บนถนนพระรามที่ 5 โดยมีผู้ขับรถมาส่งริมถนน และไม่ทราบที่มาของรถทุกคัน ซึ่งต่างจากการนัดรับส่งรถโดยทั่วไปที่ผู้ขับจะรู้แหล่งที่มาของรถชัดเจน
นางเบญจา หลุยเจริญ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีสามารถจับรถยนต์หรูลักลอบนำเข้าได้ 50 คัน ซึ่งรถยนต์ที่ติดตั้งแก๊ส ไม่ต้องผ่านการตรวจสอบของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ สมอ. จึงเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายที่ทำให้ลักลอบนำเข้าง่ายขึ้น