จากกรณีความกังวลถึงปัญหาสารเคมีจากการกำจัดคราบน้ำมันที่อาจตกค้างในสัตว์ทะเล นางสร้อยสุดา เกสรทอง นักวิชาการสาธารณสุข สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากการลงพื้นที่สุ่มตรวจอาหารทะเลสดที่เพิ่งจับได้ ล่าสุดยังไม่พบการปนเปื้อนสารอันตราย ประชาชนยังสามารถบริโภคอาหารทะเลได้ แต่เพื่อความสบายใจให้งดรับประทานอาหารทะเล ที่จับจากทะเลบริเวณที่เกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลไปก่อน จนกว่าจะมีผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่า การสุ่มตรวจตัวอย่างสัตว์น้ำและคุณภาพน้ำทั้งหมด อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัย
ส่วนผลการผลการตรวจปัสสาวะผู้ปฏิบัติหน้าที่เก็บกู้คราบน้ำมันดิบ ที่อ่าวพร้าว เกาะเสม็ด ทางห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังต้องรอ อีก 2-4 วัน จึงยังไม่สามารถระบุ ได้ถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน แต่เชื่อมั่นว่าสารเคมี ที่นำมาใช้ในการสลายคราบน้ำมัน จะไม่เกิดการตกค้างของสาร PAH ซึ่งเป็นหนึ่งในสารอันตรายที่สุดที่อยู่ในน้ำมันที่ก่อให้เกิดมะเร็งในเม็ดเลือดขาว หลงเหลืออยู่ในทะเล หรือตามชายหาด เนื่องจากเป็นสารเคมีที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย สวทช.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีประสิทธิภาพในการสลายสารอนุพันธุ์น้ำมันดิบได้ถึงระดับโมเลกุลภายใน 3 ชั่วโมง และมีประสิทธิภาพสูงกว่าสารเดิม ที่ใช้สลายคราบน้ำมันที่อ่าวเม็กซิโก
ส่วนโลหะหนักในน้ำมัน เช่น สังกะสี แมงกานีส และสารหนู ที่ไม่ย่อยสลาย และยังสามารถซึมเข้าสู่ร่างกายสิ่งมีชีวิตได้ กรมควบคุมโรคจะสุ่มตรวจตัวอย่างสัตว์น้ำและคุณภาพน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค