พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีผ่าความจริงท่ามกลางสายฝน เพื่อปราศรัยแสดงจุดยืนทางการเมือง โดยสาระสำคัญระบุว่าพรรคไม่สนับสนุนการปฏิวัติ แต่ยอมรับการชุมนุมทางการเมือง ว่าเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ พร้อมประกาศที่จะคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อล้างความผิดให้กับบุคคล ทั้งในและนอกสภาผู้แทนราษฎรอย่างถึงที่สุด
โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยประกาศที่ะทำหน้าที่"ล้มรัฐบาล" ทันที หากรัฐบาลทำลายระบบนิติรัฐและนิติธรรม ด้วยการผลักดันร่างกฎหมายล้างผิดให้กับบุคคล และหากมีการใช้ความรุนแรงทำร้ายประชาชนผู้ที่ออกมาชุมนุมแสดงออกทางการเมือง อาจต้องทำหน้าที่ "ล้มรัฐบาล" ก่อนเวลาอันควร ทั้งนี้ยังกล่าวย้ำว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไม่หวั่นเกรงการตัดสินใจยุบสภา ตามข้อเสนอของนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แต่นับจากนี้ไปยังจำเป็นต้องทำหน้าที่ตามกลไกภายในรัฐสภา ก่อนพิจารณาดำเนินการนอกสภาต่อไป
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยชี้ว่าเนื้อหาของร่างกฎหมายไม่ได้บัญญัติขึ้นเพื่อสร้างความปรองดอง แต่ผลแห่งกฎหมายกำลังทำให้เกิดความแตกแยกในประเทศ และแม้จะยึดมั่นในระบบรัฐสภา แต่ก็ไม่ปฏิเสธการชุมนุมแสดงออกทางการเมืองของประชาชน
ท่ามกลางรายงานข่าวว่า จะรับหน้าที่เป็นประธานสภาปฏิรูปการเมือง นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ใหญ่คนแรกที่ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และนายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี ให้ทำหน้าที่เทียบเชิญทุกคนทุกฝ่ายและทุกสีในทุกหน่วยงานเข้าร่วมระดมความเห็น ที่จะปฏิรูปการเมืองและกฎหมาย เพื่อความปรองดองของบ้านเมือง และผลการพูดคุยเบื้องต้นนั้น มีความเห็นสอดคล้องกับมุมมองของผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม คือ การเดินหน้าปฏิรูปการเมือง ควรแยกออกจากการผลักดันพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่สามารถดำเนินการคู่ขนานกันได้ โดยนายวรชัย เหมะ ยืนยันว่าสภาผู้แทนราษฎรจะต้องพิจารณาร่างกฎหมายในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ขณะที่นายพงศเทพ เชื่อมั่นว่า ผู้หวังดีต่อประเทศจะตอบรับเข้าร่วม
ขณะที่ การประชุมแกนนำและผู้ประสานงานของกลุ่มนปช. ปิดลงแล้ว ท่ามกลางข้อกำชับห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง ก่อนได้รับสัญญาณจากแกนนำส่วนกลาง โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่า มวลชนคนเสื้อแดงจะไม่ออกมาเผชิญหน้า แต่จะไม่ประมาทที่จะประเมินสถานการณ์และพร้อมต่อสู้ปกป้องระบบที่เดินตามระบอบประชาธิปไตย
ส่วนกลุ่มบุคคลที่เรียกตัวเองว่า คณะเสนาธิการร่วมของกองทัพประชาชน มีมติใช้สวนสาธารณะลุมพินี เป็นสถานที่ในการชุมนุมตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 4 ส.ค.โดยนายไทกร พลสุวรรณ ยืนยันการเข้าร่วมของทุกฝ่าย โดยเฉพาะอดีตนายทหารและตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุน พร้อมย้ำว่าการชุมนุมจะเป็นไปอย่างสงบ และหากจะเกิดความรุนแรง ก็มาจากฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น