กรรมการสอบชี้คุณภาพท่อส่งน้ำมันมีปัญหา

เศรษฐกิจ
15 ส.ค. 56
04:53
52
Logo Thai PBS
กรรมการสอบชี้คุณภาพท่อส่งน้ำมันมีปัญหา

คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงน้ำมันรั่วในทะเลสรุปผลไม่พบความผิดปกติจากอุปกรณ์ และกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที จีซี โดยชี้ว่าต้นเหตุอาจมาจากปัญหาคุณภาพของท่ออ่อนถ่ายน้ำมัน และตั้งคณะกรรมการตรวจสอบปัญหาท่อน้ำมันให้ได้ข้อสรุปใน 1 เดือน

คุณหญิงทองทิพ รัตนะรัต ผู้เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมีในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุน้ำมันรั่วในทะเล จ.ระยอง เปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบพบการปฏิบัติงานของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที จีซี ก่อนการเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุเป็นไปตามกระบวนการบริหารจัดการสภาวะฉุกเฉิน แต่ยอมรับว่าใช้สารปริมาณมากกว่าสัดส่วนมาตรฐาน 1 ต่อ 10 เนื่องจากสภาวะคลื่นลมแรง ส่งผลให้ประสิทธิภาพสารเคมีกระจายคราบน้ำมันลดลง ทุ่นกักน้ำมันใช้ไม่ได้ผลเต็มที่ และน้ำมันเคลื่อนตัวเร็ว จนเข้าสู่อ่าวพร้าว ของเกาะเสม็ด

ส่วนปริมาณน้ำมันดิบที่ไหลออกจากท่อวันเกิดเหตุในกรณีเลวร้ายที่สุด จะมีปริมาณไม่เกิน 54,341 ลิตร แต่สาเหตุท่อน้ำมันดิบรั่ว ต้องรอการตรวจสอบเชิงเทคนิค ซึ่งเบื้องต้นรอยแตกไม่ได้เกิดจากแรงกระแทกภายนอก และท่อนี้ใช้งานเพียงปีเศษ ทั้งที่มีอายุการใช้งานนานถึง 10 ปี พร้อมยืนยันว่าสารกระจายคราบน้ำมันทั้ง 2 ชนิด เป็นสารที่ได้รับอนุญาตจากกรมควบคุมมลพิษ มีความเป็นพิษต่ำ ย่อยสลายทางชีววิทยา ไม่เป็นอันตราย

ส่วนกรณีที่กรมควบคุมมลพิษออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำทะเล พบค่าปรอท สูงกว่าค่ามาตรฐานถึง 29 เท่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรียืนยันว่าสภาพน้ำที่เกาะเสม็ดปลอดภัยสามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปกติ เนื่องจากข้อมูลค่าสารปรอทเป็นข้อมูลเก่า อีกทั้งการวัดคุณภาพน้ำจะต้องเน้นสารที่มาจากน้ำมันโดยตรง เช่น ไฮโดรคาร์บอน ไม่ใช่สารปรอท

ขณะที่ในวันนี้ (15 ส.ค.) กรมควบคุมมลพิษจะเปิดเผยผลการตรวจสอบตัวอย่างน้ำทะเลครั้งที่ 2 จากการจัดเก็บตัวอย่างน้ำทะเลครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม โดยเชื่อว่ามีแนวโน้มดีขึ้นจากการฟื้นฟูคุณภาพน้ำทะเลอย่างต่อเนื่อง

ด้านการกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า สารปรอทไม่มีการดูดซึมทางผิวหนัง การสัมผัสน้ำทะเลที่มีการปนเปื้อนสารปรอท จึงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นพิษต่อคนหรือไม่ ส่วนผลการตรวจปัสสาวะเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานกำจัดคราบน้ำมัน พบมีสารอนุพันธ์ของเบนซินเกินค่ามาตรฐานที่เฝ้าระวังเพียง 1 คน ซึ่งจากประวัติพบว่ายังไม่มีอาการ จึงไม่น่าจะเป็นการได้รับพิษจากการลงไปเก็บกู้คราบน้ำมัน แต่น่าจะเป็นการได้รับสารดังกล่าวสะสมเป็นเวลานาน ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะยังมีการติดตามด้วยการเจาะเลือดตรวจเป็นระยะ

ขณะที่บริษัท พีทีที จีซี ร้องขอวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งกรรมการตรวจสอบสาเหตุท่อรั่วภายใน 1 เดือน และบริษัทจะเร่งตรวจสอบปริมาณสารปรอทในน้ำทะเลที่อ่าวพร้าวที่ข้อมูลไม่ตรงกับผลตรวจของกรมควบคุมมลพิษที่มี 2.9 ไมโครกรัมต่อลิตร โดยบริษัท พีทีที จีซี ระบุว่าน้ำมันดิบนำเข้าจากโอมานมีสารปรอท 1.5-2 ไมโครกรัมต่อลิตร


ข่าวที่เกี่ยวข้อง