กทม.เตือนปชช.นอกแนวเขื่อนกั้นน้ำระวังน้ำทะเลหนุน 15-17 ต.ค.
นายสัญญา ชีนิมิตร รองปลัดกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.ที่ผ่านมา น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมชุมชนสันติสงเคราะห์ใต้สะพานอรุณอัมรินทร์ กว่า 400 ครัวเรือน เนื่องจากน้ำทะลักเข้าบริเวณแนวเขื่อนกั้นน้ำที่ยังสร้างไม่เสร็จช่วงรอยต่อบริเวณปลายชุมชนประตูระบายน้ำคลองน้ำตาล ระยะทางประมาณ 500 เมตร เนื่องจากว่าผู้รับเหมาทิ้งงานไป ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักการระบายน้ำเร่งเปิดประมูลหาผู้รับเหมารายใหม่ให้ได้ภายในปีนี้ (56) เพื่อจะได้ก่อสร้างโครงการให้แล้วเสร็จภายในปี 57 รวมทั้งสั่งให้รวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายแก่ผู้รับเหมารายเดิมที่ทิ้งงานไปด้วย
ส่วนการแก้ปัญหาชั่วคราว กทม.ได้น้ำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งไว้ในชุมชน และเร่งเก็บขยะไม่ให้ขวางทางน้ำส่วนภาพรวมน้ำเหนือที่ไหลเข้ามาในกรุงเทพฯ เริ่มทรงตัว น้ำจากเขื่อนต่าง ๆ เริ่มปล่อยน้ำน้อยลง ประกอบกับช่วงนี้ฝนเริ่มหายไปในพื้นที่ด้านตะวันออกจึงไม่น่าห่วง แต่ที่ยังกังวล คือ บ้านเรือนที่อยู่นอกแนวเขื่อนกั้นน้ำริมน้ำเจ้าพระยาที่ช่วงนี้จะได้รับผลกระทบเนื่องจากน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับน้ำเหนือที่ยังไหลมาต่อเนื่อง ช่วงวันที่ 15-17 ต.ค.นี้ ระดับน้ำสูงสุดน่าจะสูงสุดที่ 2 เมตร ยังคงขอให้ประชาชนนอกแนวเขื่อนติดตามข่าวสารต่อเนื่อง และขอความร่วมมือไม่ทิ้งขยะลงคลองจะทำให้อุดตัน ขวางทางน้ำไหล
ส่วนสภาพอากาศในวันนี้ (11 ต.ค.) ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนลดลงแล้ว ส่วนภาคใต้ในช่วงนี้มีฝนลดลงด้วย เนื่องจาก มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย เริ่มมีกำลังอ่อนลง แต่อย่างไรก็ตามต้องเฝ้าติดตาม พายุโซนร้อน "นารี" (NARI) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ที่กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยเข้าใกล้เกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงวันที่ 11-12 ต.ค.นี้ โดยขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าว ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย
โดยศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในงานเสวนาสถานการณ์น้ำปี 56 ว่า ตอนนี้ต้องจับตามพายุที่กำลังมา 2 ลูกติดต่อกัน โดยพายุนารีจะเคลื่อนเข้าเวียดนามตอนกลาง ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อภาคอีสาน ทำให้พื้นที่น้ำท่วมอยู่เดิมสถานการณ์แย่ลง และหากมีน้ำเข้ามา มาเติมที่เขื่อนป่าสัก จะทำให้มีอิทธิพลต่อการระบายน้ำในพื้นที่ภาคกลางทำได้ยากขึ้น ซึ่งนอกจากคาดการณ์พายุนารีแล้ว ยังมีพายุอีกลูกที่กำลังก่อตัวอยุ่ที่เกาะกวม และมีทิศทางเดียวกับพายุนารี ทำให้เชื่อว่า พายุ 2 ลูกนี้จะมีผลต่อพื้นที่ที่โดนน้ำท่วมอยู่แล้ว รวมถึง กรุงเทพฯด้วย
สำหรับสถานการณ์พายุต้องจับตาไปถึงเดือน พ.ย.ทั้งพายุที่อาจก่อตัวในอ่าวไทยและทะเลจีนใต้ โดยต้องติดตามการเคลื่อนที่ของพายุอย่างใกล้ชิด และเตรียมการล่วงหน้าในการพร่องน้ำจากหลายเขื่อนที่กำลังวิกฤติ และผลักดันน้ำลงทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมอยู่เดิม