หลายจังหวัดได้รับผลกระทบพายุนารี
พายุฝนและลมที่พัดกระโชกอย่างรุนแรง จากอิทธิพลของพายุ นารี ส่งผลให้อ.ดอนพุด จ.สระบุรี ได้รับผลกระทบหนัก หลังคามุงกระเบื้องโรงจอดรถยนต์ของศูนย์การศึกษานอกโรงรียน พังถล่มทับรถยนต์ของเจ้าหน้าที่เสียหาย 4 คัน เจ้าหน้าที่ต้องเอาเสาไม้ไปค้ำยัน เพื่อไม่ให้โครงหลังคามุงกระเบื้องยุบตัวซ้ำ
ขณะที่ ทหารช่วยเคลื่อนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านของนางบุญภารวย แก้วปัญญา ซึ่งปลูกอยู่ริมคลองพรหมโหด ตำบลฝากห้วย อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว หลังฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมสูง และเซาะฐานดินใต้ถุนบ้านจนทรุดทั้งหลัง ขณะที่คนในบ้านต้องอพยพ เพราะเกรงว่าบ้านจะพัง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสระแก้ว ยังเตือนชาวบ้านริมคลองพรหมโหด ให้เตรียมพร้อมอพยพ เพื่อความปลอดภัย เนื่องจากกระแสน้ำยังไหลเชี่ยว
ส่วนที่จ.ปราจีนบุรี ฝนตกหนักตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า ทำให้การระบายน้ำในในพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม ทั้งในเขตอ.เมือง, กบินทร์บุรี , ศรีมหาโพธิ, ประจันตคาม ช้ามากขึ้น ขณะที่ อ.บ้านสร้างซึ่งต้องรับปริมาณน้ำจากทุกอำเภอ ยังวิกฤติเนื่องจากระดับน้ำสูงเกือบ 3 เมตร หลายหมู่บ้านอยู่ในสภาพเหมือนถูกตัดขาด
ที่ชุมชุนวัดท่ากระดาน หมู่ 4 ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลุบรี ถูกน้ำท่วมฉับพลัน บางจุดสูงกว่า 1 เมตร หลังฝนตกหนัก นายศักดิ์ชัย แตงฮ่อ นายอำเภอบางละมุง ให้เจ้าหน้าที่ตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากระดับน้ำถึงหน้าอก ต้องใช้เรือท้องแบน และรถออฟโร๊ดเข้าไปอพยพชาวบ้านจากชุมชนอย่างเร่งด่วน คาดว่าจะใช้เวลา 7 วัน ระดับน้ำจะลดลงสู่ภาวะปกติ
ล่าสุด สถานการณ์น้ำท่วมที่จ.ฉะเชิงเทราเริ่มขยายวงกว้างหลังฝกตกหนักตลอดคืน ส่งผลให้น้ำท่วมขังภายในนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว ในอ.บางปะกง ถนนทุกสายจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งมีระดับสูง 15-30 เซนติเมตร บางจุดไหลเข้าบริเวณพื้นที่ของโรงงานแล้ว ทำให้ระบบการขนส่งสินค้าจากโรงงานทั้ง 150 แห่งเริ่มได้รับผลกระทบ
ขณะที่ในอ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา หลังฝนตกมาหลายชั่วโมง ทำให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะโบราณสถานหลายแห่ง น้ำท่วมสูง 15-20 เซนติเมตร จนไม่สามารถเดินเที่ยวชมได้ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรณ์ต้องเร่งนำเครื่องสูบน้ำติดตั้งตามโบราณสถานสำคัญๆ เร่งระบายน้ำตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างของโบราณสถาน