"คำนูณ" ชี้ทุกฝ่ายเห็นพ้องแนวทาง "ปฎิรูปประเทศ" แนะรัฐบาลเปิดทางบุคคลอื่นทำหน้าที่รักษาการ

วันนี้ (16 ธ.ค.56) นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า จากการติดตามเวทีเสวนาในทุกเวทีความเห็นยังคงแยกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายหนึ่งเห็นว่า ควรมีการปฏิรูปประเทศคู่ขนานไปพร้อมกับการเลือกตั้ง ขณะที่ อีกฝ่ายต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะมีการเลือกตั้ง ซึ่งพอสรุปได้ว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าต้องมีการปฏิรูปประเทศเกิดขึ้น

 

นายคำนูณ ยังกล่าวว่า สาเหตุของปัญหาในการเลือกร้องการปฏิรูปประเทศ มีมายาวนานกว่า 20 ปีมาแล้ว มีการปฏิรูปด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2540 ก็ยังคงไม่สำเร็จ รวมถึงความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 7 -8  ปีที่ผ่านมา ก็สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า ควรที่จะมีการปฏิรูปใหญ่ เพราะส่วนหนึ่งพรรคการเมือง หรือเสียงข้างมากในสภาฯ เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ฉะนั้นหากปล่อยให้การปฏิรูปประเทศอยู่ในมือของฝ่ายการเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา ก็ควรตั้งคำถามว่า การตั้งคำถามจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่แท้จริงหรือไม่
 

นอกจากนี้การที่รัฐบาลบอกว่าจะไม่เป็นเจ้าภาพโดยตรงจัดในการเวทีเสวนาหาทางออกประเทศ ที่แม้ว่าจะมี นายธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่ง นายธงทอง ก็มีความเกี่ยวพันกับฝ่ายการเมืองอยู่ดีนั่นเอง และสิ่งหนึ่งที่มิได้มีการพูดถึงคือ สาเหตุของความขัดแย้งมาจาก เสียงข้างมากของรัฐสภาหรือรัฐบาลชุดปัจจุบัน ซึ่งไม่มีการพูดถึงว่าการที่จะให้มีบุคคลกลุ่มอื่นเข้ามาทำหน้าที่รักษาการเพื่อปฏิรูปประเทศ ซึ่งประชาชนจำนวนมากที่ไม่เชื่อใจเสียงข้างมากของรัฐสภาที่ทำความผิดซ้ำซากตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยมีการให้เหตุผลตามรัฐธรรมนูญ ทั้งการรักษาการและการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.57 ซึ่งตราบใดที่ปัญหาเบื้องต้นยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาก็จะยังคงอยู่

 

ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการให้เกิดการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง โดยให้บุคคลที่ไม่มีส่วนได้-เสียเข้ามาทำหน้าที่และการที่รัฐบาลจะตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้เกิดสภาพที่จะมีบุคคลเข้ามาทำหน้าที่รักษาการ เชื่อว่ากระบวนการทางกฎหมาย หรือรัฐธรรมนูญจะไม่ถึงทางตัน แต่ตราบใดที่รัฐบาลและเสียงข้างมากในสภาฯยังคงอ้างถึงรัฐธรรมนูญก็ยังคงไม่มีทางออก

 

ขณะที่แนวทางตามที่ ส.ว.บางกลุ่ม ระบุว่า ให้ทุกพรรคการเมืองไม่ลงเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 นี้ นายคำนูณมองว่า มีความเป็นไปได้ตามสมควรหากรัฐบาลเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ซึ่งไม่แน่ว่าการเลือกตั้งจะสำเร็จหรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาในช่วง 5-6 วันนี้ คือ ก่อนวันที่ 23 ธ.ค.นี้ที่จะเป็นวันเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบัญชีรายวันแรก ต้องดูท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะมีท่าทีอย่างไร ซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งทั้งการลงเลือกตั้งหรือไม่ลงเลือกตั้ง รวมถึงพรรคเพื่อไทยด้วย ที่ขณะนี้ประกาศเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง โดยจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญต่อการเลือกตั้งในครั้งนี้และจะส่งผลต่อการเปิดประชุมสภาภายหลังการเลือกตั้งภายใน 1 เดือน 

 

นอกจากนี้ การที่คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.ยืนยันที่จะดำเนินการสุดทางในการต่อสู้จนกว่าจะมีการปฏิรูปประเทศให้แล้วเสร็จ ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง ซึ่งสิ่งสำคัญ ก็คือ จำนวนประชาชน ดังที่ปรากฎในวันที่ 9 ธ.ค. และวันที่ 24 ธ.ค.ซึ่งมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเป็นจำนวนมาก และก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่เป็นระยะในช่วงต่อจากนี้

 

ส.ว.สรรหา ยังมองว่า ความขัดแย้งในสังคมในขณะนี้จะนำไปสู่บทสรุปที่ลงตัวและเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม และนำไปสู่การตกผลึกใหม่ของสังคมก็คือ การปฏิรูปประเทศ ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้ง หรือ เลื่อนการเลือกตั้ง การปฏิรูปประเทศไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งจะสำเร็จเมื่อใดต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป