ชี้ให้ไทยระวังแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ถ้าไม่มีการต่ออายุมาตรการต่างๆของภาครัฐที่จะหมดเดือนก.ค.-ก.ย.2554นี้

เศรษฐกิจ
18 ก.ค. 54
06:18
9
Logo Thai PBS
ชี้ให้ไทยระวังแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ถ้าไม่มีการต่ออายุมาตรการต่างๆของภาครัฐที่จะหมดเดือนก.ค.-ก.ย.2554นี้

สาเหตุสาคัญของการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยมาจากราคาสินค้าในหมวดอาหาร-เครื่องดื่ม และยังมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ามันที่สูงขึ้นจากปัญหาความไม่สงบในบริเวณตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ รวมทั้งการฟื้นตัวของความต้องการบริโภคน้ามันของสหรัฐ

บริษัทจัดการกองทุนรวมบัวหลวง เผยรายงานการศึกษา "ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อต่อนักลงทุน" เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ระบุว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับทั้งกลุ่มประเทศกาลังพัฒนาเดียวกันกับไทย และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา หรือกลุ่มประเทศยุโรปที่ยังประสบปัญหาจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา

แต่ว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจนั้นย่อมมาพร้อมกับปัญหาสาคัญคือ อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยในไตรมาสที่ 1 ของปี 2554 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.1 และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นร้อยละ 4.06 ในเดือนมิถุนายน 2554 ซึ่งสาเหตุสาคัญของการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยมาจากราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.76 เทียบเดือนมิถุนายนของปี 2553 ซึ่งกลุ่มอาหารเป็นกลุ่มที่มีการถ่วงน้าหนักมากที่สุดถึงร้อยละ 33 ในการคานวณอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบัน

แม้ว่าการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อจะสะท้อนราคาสินค้ากลุ่มอาหารที่ปรับสูงขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อดังกล่าวยังไม่ใช่อัตราเงินเฟ้อที่สะท้อนความเป็นจริง จากการที่ภาครัฐได้ออกมาตรการควบคุมราคาสินค้าและน้ามันดีเซลให้อยู่ในระดับต่า รวมถึงการขอความร่วมมือให้ภาคเอกชนแบกรับภาระต้นทุนไประยะเวลาหนึ่ง ทาให้อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันยังไม่ใช่อัตราเงินเฟ้อที่ควรจะเป็นตามราคาสินค้าในตลาดโลก

ดังนั้นจึงคาดว่า อัตราเงินเฟ้อของประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ถ้าไม่มีการต่ออายุของมาตรการต่างๆของภาครัฐที่จะหมดลงในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2554 เช่น การควบคุมราคาน้ามันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร(หมดอายุเดือนกันยายน) แผนการลอยตัวราคาก๊าซธรรมชาติในอุตสาหกรรมการผลิตในช่วงเดือนกรกฎาคม และการปรับขึ้นของราคาสินค้าอื่นๆให้เพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนต้นทุนการผลิตของภาคเอกชนที่จะปรับตัวสูงขึ้นตามนโยบายการขึ้นค่าแรงขั้นต่าของภาครัฐ เป็นต้น

อีกทั้ง ยังมีปัจจัยกดดันจากราคาสินค้าอาหารตามความต้องการสินค้าอาหารทั่วโลกที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการบริโภคในระดับสูงของกลุ่มประเทศ Emerging Market ซึ่งมีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่โดดเด่น สวนทางกับการลดลงของปริมาณผลผลิตจากภัยธรรมชาติในรูปแบบต่างๆทั้ง อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว และความแห้งแล้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตอาหารรายสาคัญของโลกอย่างมาก จนทำให้ราคาสินค้าอาหารสดในตลาดโลกหลายประเภทปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยกดดันจากราคาน้ามันที่สูงขึ้นจากปัญหาความไม่สงบในบริเวณตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ รวมทั้งการฟื้นตัวของความต้องการบริโภคน้ามันของสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่มีการบริโภคน้ามันมากที่สุดในโลกหรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของการบริโภคน้ามันของโลกซึ่งสหรัฐอเมริกากาลังมีเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวโดยเฉพาะภาคการผลิตของเอกชน

สาหรับผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อต่อนักลงทุนนั้นมีได้หลายรูปแบบ เช่น อัตราเงินเฟ้อในระดับสูงแสดงให้เห็นถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของภาคเอกชน ซึ่งบริษัทบางแห่งไม่สามารถผลักภาระดังกล่าวให้กับผู้บริโภคได้ทั้งหมดจากการถูกควบคุมราคาโดยภาครัฐ และเพื่อรักษาความสามารถของการแข่งขันในตลาด จึงส่งผลให้ความสามารถในการทากาไรของบริษัทปรับลดลงอย่างชัดเจนและอาจส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้นของบริษัท

สาหรับนักลงทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ซึ่งให้ผลตอบแทนในรูปอัตราดอกเบี้ยคงที่ตลอดอายุตราสารนั้น เมื่ออัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มสูงขึ้นเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับ เท่ากับว่า อัตราผลตอบแทนที่นักลงทุนได้รับนั้นน้อยกว่าการลดลงของค่าเงิน หรืออีกนัยหนึ่งคือ นักลงทุนได้รับผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบ(ขาดทุน)นั่นเอง

ในภาวะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงนั้น นักลงทุนทุกคนควรเลือกรูปแบบการลงทุนที่สามารถให้ผลตอบแทนมากกว่าอัตราเงินเฟ้อได้ และควรหลีกเลี่ยงการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนในระดับคงที่ หรือนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในทางเลือกใหม่อย่างพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ(Inflation-Linked Bond) อายุ 10 ปีของกระทรวงการคลังที่จะออกจาหน่ายในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งมีอัตราผลตอบแทนที่ปรับเปลี่ยนไปตามอัตราเงินเฟ้อของประเทศ ทาให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนในรูปของ Total Return ไม่ต่ากว่ากว่าอัตราเงินเฟ้อตลอดอายุพันธบัตรดังกล่าว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง