นายกฯ เผยเดินหน้าพัฒนาประเทศ-ปฏิรูปเศรษฐกิจตามนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0"

การเมือง
1 ก.ค. 59
21:14
712
Logo Thai PBS
 นายกฯ เผยเดินหน้าพัฒนาประเทศ-ปฏิรูปเศรษฐกิจตามนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0"
นายกรัฐมนตรีเผย ครม.เห็นชอบถวายพระราชสมัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย” เนื่องในโอกาสที่ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี พร้อมยืนยันเดินหน้าพัฒนาประเทศและปฏิรูปเศรษฐกิจตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0”

วันนี้ (1 ก.ค.2559) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้ประชาชน วันที่ 1 ก.ค.นี้ว่า เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 70 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทรงอุทิศพระองค์ เพื่อช่วยเหลือชาวนา “กระดูกสันหลังของชาติ” และได้มีการพัฒนาข้าวไทยในทุกๆ ด้าน อาทิ ทรงให้ความสำคัญกับพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ทรงทำนาข้าวทดลองและทรงริเริ่มกิจการโรงสีข้าวตัวอย่างเป็นโครงการส่วนพระองค์ในสวนจิตรลดา และทรงสนับสนุนให้มีการก่อตั้งธนาคารข้าว เพื่อประโยชน์แก่เกษตรกรที่ยากจนทั่วประเทศ เหล่านี้เป็นต้น ดังนั้น เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อยกย่องในพระปรีชาสามารถของพระองค์ คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบถวายพระราชสมัญญาแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่าทรงเป็น “พระบิดาแห่งการวิจัยและพัฒนาข้าวไทย” ในโอกาสนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทย ร่วมใจกันสนองปณิธานของพ่อหลวงไทย ด้วยการเห็นคุณค่าของข้าว และความสำคัญของชาวนาไทย เพราะข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย

วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม 2559 นี้ เป็นวันคล้ายวันประสูติ ของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์อัครราชกุมารี “เจ้าฟ้านักวิทยาศาสตร์” ของปวงชนชาวไทย ด้วยทรงมีพระมหากรุณาธิคุณแก่ประเทศชาติและประชาชนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทรงเป็นประธานมูลนิธิจุฬาภรณ์ มี “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” เกิดจากการรวมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ กับสถาบันบัณฑิตจุฬาภรณ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การแพทย์สาธารณสุข ตลอดจนให้บริการทางการแพทย์ ไปเผยแพร่และประยุกต์ใช้งาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความมุ่งหมายต่อไป คือในด้านสาธารณสุขนั้น ทรงดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท เพื่อสานต่อพระราชภารกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ รวมทั้งสืบสานพระราชปณิธาน ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยทรงดำรงตำแหน่งเป็นประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) ที่ประชาชนจะเรียกขานอาสาสมัครเหล่านี้ว่า “หมอกระเป๋าเขียว” ในการบำบัดทุกบำรุงสุขแก่ราษฎร ให้พสกนิกรมีความเป็นอยู่ที่ดี ห่างไกลจากโรคร้าย

ในโอกาสนี้ ขอเชิญชวนพสกนิกรชาวไทย ทุกหมู่เหล่า ร่วมใจกันแสดงความกตัญญูกตเวที น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และแสดงความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ทุกพระองค์ ขอให้ทุกพระองค์ “ทรงพระเจริญ”

นายกฯ เผยเดินหน้าพัฒนาประเทศ-ปฏิรูปเศรษฐกิจตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการพัฒนาประเทศตามนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” นั้น แตกต่างจากที่ผ่านมานั้น ซึ่งหลายพรรคการเมือง อาจจะมุ่งสร้างเฉพาะความพึงพอใจประชาชน ด้วยการทำนโยบายประชานิยมบ้างที่มีปัญหา อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์ประเทศชาติและประชาชนในการสร้างความเข้มแข็ง สร้างความยั่งยืน อย่างแท้จริง อาจจะด้วยไม่มีทิศทางที่ชัดเจน ดังนั้น รัฐบาลนี้ได้นำแนวทาง “ประชารัฐ” ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน เข้ามามีส่วนร่วม ในการพัฒนาประเทศ อุดรอยรั่ว ช่องโหว่ของภาครัฐ

ไทยแลนด์ 4.0 นั้น จะเป็นทิศทางการพัฒนาประเทศ การปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ด้วยความเข้าใจ ด้วยความสมัครใจ บนวิสัยทัศน์เดียวกัน คือ “มั่นคง มั่งคั่ง อย่างยั่งยืน” ทั้งนี้จะได้เป็นการขับเคลื่อนประเทศ บนพื้นฐานของความคิดสร้างสรรค์ บวกนวัตกรรม และเทคโนโลยีในทุกกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ให้เกิดความสมดุลกับทางสังคม และสิ่งแวดล้อม เราได้กำหนด 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิเช่น 1.กลุ่มอาหารและเกษตรกรรม มีการจัดตั้งเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) ส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์การเกษตรของประเทศ ครบวงจร สร้างความมั่นคงทางอาหารให้โลก และตอบสนองนโยบาย “ประเทศไทยเป็นครัวโลก”

2.กลุ่มสุขภาพ มีการส่งเสริมงานวิจัยและพัฒนา ทั้งสมุนไพรและการแพทย์ทางเลือก และภูมิปัญญาท้องถิ่น รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพเพื่อให้ไทยเป็น “เมืองสมุนไพร” หรือ “ศูนย์กลางสุขภาพครบวงจร” Medical Hub ในภูมิภาค ตอบสนองสังคมผู้สูงอายุของเราและโลกที่กำลังมาถึง การมาเมืองไทยนั้นจะได้ทั้งรักษาสุขภาพ พักผ่อน ท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึมซับวัฒนธรรมอันงดงามและความเป็นไทย

3.กลุ่มอุปกรณ์อัจฉริยะ หุ่นยนต์ และอุปกรณ์อัตโนมัติ ซึ่งมีความสำคัญต่อภาคครัวเรือน และภาคอุตสาหกรรม อาทิ หุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรมที่โลกมีความต้องการสูง จำเป็นต่อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมหนักในอนาคตทุกแขนง

4.กลุ่มอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ รัฐบาลกำลังผลักดันให้เกิดการพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก เป็นระเบียงเศรษฐกิจ ที่เรียกว่า Eastern Economic Corridor มีศักยภาพในการสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวม คิดเป็นร้อยละ 39 ของเศรษฐกิจประเทศ ด้วยการลงทุนด้านปิโตรเคมี พลังงาน ยานยนต์ และกิจกรรมต่อเนื่อง จากผู้ประกอบการภายในและต่างประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม

กลุ่มที่ 5 อุตสาหกรรม เช่นการบินและโลจิสติกส์ โดยได้วางกรอบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานกว่า 2.2 ล้านล้านบาท อาทิ เส้นทางหลวงพิเศษ กรุงเทพ – พัทยา – ระยอง ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ให้มีขีดความสามารถรองรับปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 11 ล้าน TEU ต่อปี พร้อมกับการก่อสร้างท่าเรือชายฝั่ง สามารถรองรับสินค้าได้ 3 แสน TEU ต่อปี ศูนย์การขนส่งทางราง ที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งทางราง ได้ปีละ 2 ล้าน TEU ท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ที่ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมต่อเรือ โดยพัฒนาท่าเรือ Ferry เพื่อเชื่อมต่อการเดินทาง ระหว่าง 2 ฝั่งทะเล “อ่าวไทย” พัทยา – จุกเสม็ด – ชะอำ สนามบินอู่ตะเภา ให้สามารถรองรับผู้โดยสาร 5 ล้านคนต่อปี และการพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยาน เพื่อขยายศักยภาพให้สามารถรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินในภูมิภาค สามารถซ่อมบำรุงอากาศยานได้ 144 ลำต่อปี และซ่อมเครื่องยนต์ได้ 72 เครื่องต่อปีทั้งนี้ เราก็ได้คิดให้มีระบบรถไฟและรถไฟความเร็วสูงเพื่อจะเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานทางการคมนาคมทุกระบบทั้งทางบก ทางราง ท่าเรือ ทางอากาศ เพื่อให้รองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งได้สั่งการให้ดำเนินการจัดทำแผนการลงทุนแล้ว ให้สำเร็จภายใน 3 เดือน

ทั้งนี้ มี 6 กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เป็นอุตสาหกรรมเดิมที่ไทยมีศักยภาพ จุดแข็ง ในการเป็นฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับอยู่แล้ว โดยสามารถผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าในอนาคต พลังงานสีเขียว เป็นมิตรกับธรรมชาติ เป็นทิศทางของโลกในอนาคต ในระยะยาว แทนการใช้เชื้อเพลิงจากน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ที่มาจากฟอสซิลในอนาคตด้วย ทั้งนี้ ต้องลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการที่โลกกำลังร้อนขึ้นทุกวัน และนับวันเชื้อเพลิงเหล่านั้นก็จะร่อยหรอลงทุกที

"พล.อ.ประยุทธ์" เผยภาครัฐเร่งส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่ภาครัฐกำลังดำเนินการอยู่ในทุกมิตินั้น ได้แก่ (1) คือการสร้างความรับรู้ทั้งในเรื่องพลังงานทดแทน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ความเชื่อมั่นในนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่จะใช้แทนรถยนต์พลังงานน้ำมันในอนาคต คงไม่ใช่ทั้งหมดในวันนี้ แล้วก็แทนรถที่ใช้ก๊าซธรรมชาติด้วย โลกต้องเปลี่ยนแปลง เราต้องเตรียมการตั้งแต่บัดนี้ ขณะเดียวกัน ต้องส่งเสริมรถยนต์พลังงานชีวภาพ เช่น ไบโอดีเซล เอทานอล แก๊สโซฮอล์ และ “Eco car” ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วันนี่เราเป็นศูนย์กลางการผลิต Eco Car เราหยุดไม่ได้อยู่แล้ว ก็ทำคู่ขนานกันไปให้เกิดความสมดุล ไม่มีผลกระทบกันทางด้านเศรษฐกิจ การลงทุน ก็คงจะเป็นทางเลือกของประชาชนในโอกาสต่อไป ในระยะแรกเพื่อให้เป็นการสร้างความคุ้นเคยเราก็ได้อนุญาตให้มีการนำเข้ารถโดยสารประจำทางไฟฟ้ามาให้บริการสาธารณะ ให้ประชาชนได้รู้จัก ได้คุ้นเคยก่อนที่จะขยายไปสู่รถยนต์ส่วนบุคคล ระยะแรกอาจจะต้องนำเข้า แต่ราคาสูง ถ้าเอาเข้ามาแล้วก็ต้องเร่งรัดในเรื่องการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนา การร่วมทุนต่างๆ จะได้ทันต่ออนาคต

เรื่องที่ 2 คือการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาวิศวกรรมการผลิตทั้งระบบทั้งตัวรถ ชิ้นส่วนประกอบ แบตเตอรี่ หัวจ่าย สถานีชาร์จ และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ให้มีความพร้อม แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งมีหลายกระทรวง และหน่วยงาน ทั้งภาคเอกชน ก็สามารถเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนร่วม อาจจะเป็นการสร้างความมั่นใจ และเกิดความชัดเจนมากขึ้น ขณะนี้ได้ให้ BOI ไปศึกษาแล้วก็ให้เกิดการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง

เรื่องที่ 3 คือการสร้างแรงจูงใจ นักลงทุนชาวไทย และชาวต่างประเทศ ในเรื่องสิทธิประโยชน์ มาตรการทางภาษีต่างๆ รวมทั้งการปรับปรุงกฎ ระเบียบ การขออนุญาต การเสียภาษี การจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อกระตุ้นการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจังในอนาคต และเรื่องที่ 4 คือการส่งเสริมการ การสร้างแรงงานฝีมือ วางระบบการศึกษา อาชีวะ วิศวกร รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการจัดตั้งศูนย์ทดสอบ สนามทดสอบ ล้อรถยางรถยนต์ และรถยนต์ ในประเทศอีกด้วย

ทั้งนี้ “ไทยแลนด์ 4.0” นั้นยังมี 7 กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิตัล เป็นเหมือน “กระดูกสันหลัง” ในด้านข้อมูลข่าวสาร การศึกษา โทรคมนาคม การติดต่อสื่อสาร เพื่อรองรับการพัฒนากิจกรรมต่างๆ ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายข้างต้น รวมทั้ง “วิสาหกิจเริ่มต้นใหม่” Start-up ที่ภาครัฐให้ความสำคัญในเรื่อง (1) คือการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัย เป็นสากล รองรับการเติบโตของ Start-up ซึ่งเป็นไปตามกระแสของโลกในปัจจุบัน

(2) มาตรการทางภาษี การเงิน การคลัง เช่น การลดภาระค่าธรรมเนียม การค้ำประกันสินเชื่อ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อส่งเสริมให้เกิด “เถ้าแก่ใหม่” กล้าลงทุน เป็นเจ้าของ เปิดกิจการใหม่ แล้วก็เป็นทางเลือกให้สังคมด้วย โดยเฉพาะ Eco System หรือธุรกิจที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ ระบบนิเวศ

(3) การสร้างแรงจูงใจ การอำนวยความสะดวก ช่วยการดึงนักลงทุน นักการตลาด นักวิจัย ที่มีความรู้ ความสามารถ เข้ามาลงทุน ทำงานในเมืองไทย นำองค์ความรู้และเทคโนโลยีชั้นสูง สมัยใหม่ เข้ามาเพิ่มศักยภาพให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ของไทย เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งในการ “แตกกิ่งก้านสาขา” ใหม่ๆ ให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย

โดยอีกบทบาทของภาครัฐ คือ (4) เป็นผู้กำกับด้านนโยบาย อาทิ ผลักดันให้มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานในระบบ ICT การคมนาคมสื่อสาร อินเทอร์เน็ต ให้เกิดการเชื่อมองค์ความรู้ เทคโนโลยี สำหรับนักวิจัยหน้าใหม่ในลักษณะ “ศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ” หรือ “Think Tank” ซึ่งรัฐบาลได้ขับเคลื่อนแล้ว ตามแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม Digital Economy ซึ่งนอกจากจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนแล้ว ยังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ สอดคล้องกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ด้วย

นายกฯ ห่วงการประกอบการของธุรกิจ SMEs
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อีกเรื่องที่ผมเป็นห่วง คือเรื่องของการประกอบการของธุรกิจ SMEs ซึ่งแบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน ประเภท 1-2-3 นี่ ได้มีการดำเนินการไปแล้ว ในการที่จะขยายกิจการ เพิ่มทุน ให้เจริญเติบโตในประเทศ แล้วก็ส่งเสริมไปต่างประเทศ แต่มีประเภทที่ 4 คือประเภทที่ต้องฟื้นฟูที่เขาขาดสภาพคล่องแล้วก็ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมบ้าง ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจอะไรบ้าง แต่ยังมีศักยภาพอยู่แต่ขาดเงินหมุนเวียนนี่จะต้องทำยังไง รัฐบาลก็รับเรื่องนี้มาพิจารณา เมื่อวันก่อนผมได้พบกับเขา ก็สงสารเขา หลายกิจการหมดเนื้อหมดตัวกัน แล้วก็กู้ยืมเงินใครก็ไม่ได้ แล้วก็จะต้องถูกธนาคารยึดไปทั้งโรงงานทั้งพื้นที่ อะไรต่างๆ เหล่านี้ ที่ดิน เขาก็ลำบาก แต่ต้องมาดูซิว่าจะทำยังไง

ถ้าเราจะทำอะไรต่อไปนี้คงต้องใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาดูด้วย การมีเหตุมีผล การลงทุนพอประมาณ และการมีคุณสมบัติที่ดี คือมีความรู้ และมีคุณธรรม ถ้าเราโตเร็วเกินไปใช้เงินมากเกินไป พอมันเสียหายขึ้นมา มันก็มีผลกระทบมาก เราก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปก็ได้ บางครั้งต้องเตรียมรับความเสี่ยงในอนาคตไว้ด้วยจากปัจจัยภายในและภายนอก

อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็จะดูแลมากน้อยตามที่เรามีงบประมาณอยู่ หรือเป็นไปตามกฎหมาย มันหลายส่วนด้วยกันทั้งแหล่งเงินของรัฐ งบกลาง หรือในส่วนของธนาคารพาณิชย์เหล่านี้ ถ้าเราใช้มากเกินไป หลายอย่างก็เป็นเรื่องของการพาณิชย์ ก็ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันนะ รัฐบาลก็พยายามจะแก้ให้ ที่ผ่านมาหลายรายมีผลกระทบจากน้ำท่วมตั้งแต่ปี 2554 - 2555 ยังค้างคากันอยู่เป็นจำนวนเงินหลายสตางค์อยู่เหมือนกัน ก็ใจเย็นๆ นิดนึง จะดูแลให้ แต่ขอให้ฟังกันด้วยนะ บางอย่างมันต้องดูงบประมาณ ดูกฎหมายด้วยอะไรด้วย

"พล.อ.ประยุทธ์" ยืนยันแก้ปัญหาค้ามนุษย์อย่างเต็มที่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องของการค้ามนุษย์ หรือ IUU ที่กำลังทำอยู่วันนี้ เคยบอกไว้แล้วว่าไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะทำอย่างเต็มที่ และทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะมันมีผลกระทบกับประเทศเพื่อนบ้าน ต่อโลก ต่อทรัพยากรทางทะเล อันนี้ก็ถ้าหากว่าผลออกมาเป็นการดีก็ขอขอบคุณ ทุกพวกทุกฝ่าย ที่เป็นผลจากการทุ่มเท การทำงานของทุกๆ ฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ถือว่าสิ่งที่ได้รับมานั้นเป็นของขวัญ เป็นกำลังใจ ในการทำงานในขั้นต้นของพวกเราเท่านั้นเอง ขอให้ทุกคนได้มีการประเมินสถานการณ์ในเรื่องคอร์รัปชั่น และภาพพจน์ของประเทศในสายตาของคนไทย และนานาชาติไปด้วย จากสถาบันและองค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศ วันนี้ รัฐบาลเอามาดูหมด และก็การประเมินจากต่างประเทศ

วันนี้เรื่องทุจริตก็มีหลายหน่วยด้วยกัน ของต่างประเทศ CPI CSI PERC IOD PWC และจุฬาฯ พบว่า (1)สถานการณ์คอร์รัปชั่นในประเทศ “ดีที่สุด ในรอบ 3 ปี” (2) ภาพลักษณ์ประเทศ ด้านความโปร่งใส ในสายตานานาชาติ “ดีที่สุด รอบ 10 ปี” และ (3) การเรียกรับสินบน “ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 เทียบกับ 15 ปีที่แล้ว” และมีแนวโน้มจะลดลงอีก ทั้งนี้ เป็นผลมาจากรัฐบาล และ คสช.ได้ผลักดันกฎหมาย เช่น พ.ร.บ.การอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ และ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐฯ รวมทั้งมาตรการ + กลไก + นโยบายต่างๆ ในการทำงานทั้งหมด เราได้มีการปรับเปลี่ยนทั้งหมดก็ขอขอบคุณประชาชน ภาคธุรกิจ การค้าต่างๆ ที่ให้ความร่วมมือด้วย เราจะต้องไม่ให้มีการทุจริตอีกต่อไป

ได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คสช.) + การจัดหาพัสดุด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e - Market)ก็มีการปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมอีกเรื่อยๆ + วิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e - Bidding)ก็ต้องปรับปรุงใหม่ทั้งหมดอ้ะ มันเป็นการเริ่มต้นนะครับ + การทำสัญญาคุณธรรม (IP) + ระบบ COST ที่เป็นสากลในการตรวจสอบ และได้มีช่องทางของรัฐบาล G-Channel มาใช้ เพื่อป้องกันการคอร์รัปชั่นเชิงระบบ หรือระบบพวกพ้อง ในระยะยาว

ก็ท่านคงต้องตามดูว่า มันจะมีช่องหนึ่งที่เขาเขียนว่าภาษีไปไหน อันที่ 2 คือ G-News นะครับ ซึ่งจะเป็นข้อมูลของทุกหน่วยงานทุกกระทรวง ที่เกี่ยวข้องที่เขาทำงานอยู่วันนี้ ถ้าท่านเปิดดูท่านจะมีความรู้มากขึ้น จะได้เข้าใจการทำงานของรัฐ และจะได้แสวงหาข้อมูลกันได้ ถ้าไม่เปิดดู ท่านก็จะใช้ความรู้สึก มีความขัดแย้ง กระทบกระทั่งไม่เข้าใจกันไปแบบนี้ ไปตลอดมันก็เป็นช่องทางให้หลายพวกหลายฝ่ายเข้ามาหาประโยชน์ได้จากความไม่เข้าใจของพวกเรา

"พล.อ.ประยุทธ์" แนะเคารพกฎหมายและขอความร่วมมือทำประชามติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับในด้านการเดินหน้าประเทศ ปัญหาบางประการ ท่านทราบดีอยู่แล้ว ก็ขอความร่วมมือช่วยกันกับผม กับรัฐบาลกับ คสช.ว่าเราจะต้อง ถึงเวลาแล้วในการที่ต้องทำเพื่อประเทศชาติและลูกหลานในอนาคต สำคัญที่สุดคือ 1.การเคารพกฎหมาย การที่เราขาดจิตสำนึก เราต้องปลูกจิตสำนึกให้ได้ อันนี้มันต้องอยู่ที่ตัวคน การขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งเป็นต้นเหตุให้มีเหตุการณ์ที่น่าเสียใจเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจล่าช้า การเดินหน้าประเทศไม่ราบรื่น ไม่ดีเท่าที่ควร หลายอย่างก็เป็นเพราะมีความคิดสุดโต่ง หารือกันไม่ได้ หาทางออกไม่ได้ หรือคิดได้พูดได้แต่ทำไม่เป็น เหล่านี้มันต้องมาช่วยกัน บางอย่างผมก็พร้อมรับฟังความเห็นที่เป็นประโยชน์ของท่าน ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรไปกว่าท่าน เพียงแต่ว่ามันต้องมาคุยกัน โดยไม่มีผลประโยชน์ใดใดทั้งสิ้น ต้องไม่มีตัวตนทั้งสิ้น ถ้าเราฟังกันบ้างลดราวาศอกกันบ้าง มันก็มีอะไรที่มันสามารถทำได้ในวันนี้ อย่าเอาความขัดแย้งมาพูดก่อนนะ อย่าเอาการผิดกฎหมายมาพูดก่อน ทุกอย่างต้องเริ่มต้นภายใต้กรอบของกฎหมาย

เรื่องสำคัญต่อไปคือเรื่อง 2.การทำประชามติ ซึ่งใกล้เข้ามาทุกวันนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกันในการใช้สิทธิ์ของท่านหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียง ผมทำหน้าที่ของผม ท่านทำหน้าที่ของท่านที่จะลงประชามติ รัฐบาลก็พยายามทำทุกอย่างในส่วนของรัฐบาลได้มีการมอบหมายเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ เรื่องของการรับผิดชอบในการทำประชามติ โดยรัฐบาลจะไม่เข้าไปก้าวล้ำ ก้าวล่วง ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเอง กฎหมายต่างๆ ที่ออกมาก็ระมัดระวังหน่อย

คิดว่าถ้าทุกคนมีเจตนาดี บริสุทธิ์ก็ไม่น่าจะเป็นกังวล ไม่ใช่อาจจะมีอยู่หลายคนหลายพวกก็บอกว่า กฎหมายเยอะเนี่ยก็อย่าไปเลย เดี่ยวจะมีความผิด ผมว่าถ้าชี้นำแบบนี้ ผมว่ามันน่าจะไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของชาตินะ หน้าที่ของทุกคนก็ไปทำประชามตินะครับ ไม่ต้องไปกลัว เค้าเขียนไว้ชัดเจน อะไรคือผิด อะไรคือถูก ฉะนั้นอย่าไปข่มขู่ประชาชนว่าอย่าไปเลย แต่ถ้าทุกคนไปให้ใครชี้นำอยู่ในทางที่ไม่ถูกต้องแบบนี้ มันก็ไม่สามารถปลดล็อกตัวเองได้ เป็นอิสระจากคนอื่นเขาได้ อยากให้ทุกคนมีอิสระทางความคิดของแต่ละบุคคล กรุณาให้ความสำคัญหน่อย มีไม่กี่ข้อ มีไม่กี่เรื่องที่มีผลกระทบกับประชาชน แต่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ไปอ่านเอาเอง ก็หลายคนหลายนักการเมือง ก็ไปพูดจาบิดเบือนอยู่ในวันนี้ ในพื้นที่ในระดับท้องถิ่นนะ ตามหมู่บ้านบ้างอะไรบ้างนะ เช่น รัฐบาล จะลดการศึกษาฟรี 15 ปี ยกเลิกการใช้บัตรทอง จะให้ คสช.เขาดำเนินการ พูดโกหกบิดเบือนอย่างเลวร้าย คนพวกนี้แย่มาก

3. การขยายความขัดแย้งใดๆ ก็ตาม โดยสื่อฯ + โซเชียล ทั้งโดยเจตนาหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โดยไม่สนใจข้อกฎหมาย มันก็เลยทำให้สังคมเชื่อไปว่า รัฐมีการดำเนินการ 2 มาตรฐาน มันต้องมาตรฐานเดียวสิครับ เพราะมันกฎหมายตัวเดียวกัน ไม่เคยคิดจะไปละเมิดสิทธิ์ใคร และก็ไม่พยายามจะใช้อำนาจที่ไม่เป็นประชาธิปไตย แต่มันก็จำเป็นที่ต้องใช้ เพราะคนปั่นป่วนยังมีอยู่ไง ถ้าไม่มีผมจะใช้ทำไมล่ะ สิ่งเหล่านี้ต้องช่วยอธิบายให้ต่างชาติได้เข้าใจว่าสถานการณ์ประเทศไทยเป็นอย่างไรนะวันนี้เรากำลังก้าวหน้าไปในทางที่ดี มีศักยภาพ มีหลายประเทศต้องการมาลงทุนกับเรา หลายประเทศก็ให้ความเชื่อมั่นในเรื่องของการปฏิรูปประเทศหรือการแก้ปัญหา ก็มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละที่ไม่ยินยอมกันอยู่ก็คือเรื่องทางการเมือง อยากให้ประชาชนได้เข้าใจว่าอะไรมันสำคัญกว่ากันล่ะตอนนี้

จริงๆ แล้วมันสำคัญทั้งคู่ ถ้ามันเดินไปพร้อมๆ กันได้ก็ดีคือการเมือง คือการเมืองที่มันเป็นสุจริต แล้วก็ในเรื่องของการปฏิรูปก็ช่วยกันทำไปแล้ววันหน้าการเมืองเหล่านั้นก็เข้ามาทำต่อ มันมีปัญหาตรงไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ผมยืนยันได้เป็นความสัตย์จริงว่านับตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 เป็นต้นมา ยังไม่มีใครต้องบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เลยจากการที่เราเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ฉะนั้นไปตรวจสอบได้ แม้กระทั่งใช้กฎหมายปกติหรือกฎหมายพิเศษ ไม่มีเลย หลายคนนี่ดื้อดึงขัดขืนหลีกเลี่ยงไม่ยอมให้จับกุม ใช้ประชาชนเป็นโล่กำบังอะไรเหล่านี้ แต่ถ้าดำเนินการได้ก็จะต้องถูกดำเนินคดี อาจจะต้องใช้กฎหมายพิเศษบ้าง แต่ต้องทำในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้เกิดความรุนแรงเกิดขึ้น ต้องเข้าใจ หลายคนก็ใจร้อน ทำไมไม่ใช้มาตราโน้น มาตรานี้ ทำให้เร็ว ผมไม่สามารถจะฝ่าคนเป็นพันๆ เข้าไปได้ มันอยู่ที่ทำยังไงคนเป็นพันๆ หมื่นคนเหล่านั้นจะยุติแล้วก็ผลักดันให้คนที่มีปัญหาน่ะออกมาต่อสู้คดีตามกฎหมาย

มันเหมือนไม่เคารพกฎหมาย ก็บอกว่า อะไรนะ จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ต่อเมื่อประเทศชาติมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เขาทำได้เหรอ ไม่น่าทำได้นะ ผมถามประชาชนทั้งประเทศซิว่าทำได้ไหม ช่วยกันตอบผมหน่อยเถอะ ถ้าระหว่างนี้ทำผิดอะไรก็ได้ไม่เป็นไร แล้ววันหน้าค่อยมีรัฐบาลเลือกตั้งแล้วค่อยมามอบตัวกันตอนนั้น ผมว่ามันไม่ใช่นะ วันนี้ผิดก็ต้องลงโทษวันนี้นะกระบวนการยุติธรรมเขาก็มีอยู่แล้ว เราก็เพียงแค่นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ท่านต่อสู้คดี เราอาจจะต้องใช้มาตรา 44 ในการควบคุมตัวเข้าจับกุม เพราะว่ามันหลายอย่างด้วยกันนะครับท่านก็รู้ดีอยู่ กฎหมายปรกติไม่ค่อยเชื่อ แต่เข้าไปจับกุมดำเนินคดีก็ใช้วิธีการอันละมุนละม่อมไม่เคยต้องไปทำร้าย ไปทุบตีอะไรต่างๆ ไปทรมาน ไม่เคยทำซักอย่าง ถ้าทำผมก็ลงโทษนะ ฉะนั้นก็เพียงนำพามา และสอบสวน ให้สู้คดี ต่างคนต่างก็พยายามที่จะบิดเบือน

หลายคนก็เคยให้ความเมตตาแล้ว ให้ออกมา ให้ประกัน บอกไม่ประกันอีก จะขออยู่ในคุกก็แล้วแต่ตามใจ ก็ต้องเข้าใจ ไม่ใช่ผมไปบังคับให้เขาอยู่ ต้องการให้เขาติดคุกไม่ใช่ ผมเมตตาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะนิสิต นักศึกษา แต่เขาบอกเขาไม่อยากออกจากคุก จนกว่าจะมีประชาธิปไตย ก็แล้วแต่นะ ผมบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ก็ขึ้นอยู่กับประเทศไทย คนไทย จะคิดยังไงนะว่าผมรังแกเขาหรือเปล่าจริงแล้วล่ะก็ พ่อแม่ก็เดือดร้อน ร้องไห้ แล้วก็กลายเป็นว่าพ่อแม่ก็มาเกลียดชังผม จริงๆ มันไม่น่าใช่นะไปคิดเอา

วันนี้เราต้องไม่สร้างความเข้าใจผิดในสังคมไทยนะครับในต่างประเทศด้วย ทำไมต้องให้ผมเหน็ดเหนื่อยทำทั้งในประเทศ ต่างประเทศ ผมก็ต้องไปอธิบายเขาอีก ทำไมไม่สนใจหน้าตาภาพลักษณ์ของประเทศกันเลยหรือ ผมเข้ามาแบบนี้ผมรู้ตัวของผมดี แต่ผมรู้ว่าผมเข้ามาทำอะไร หลายคนก็รู้ว่าผมเข้ามาทำอะไร แต่ทำไมคนบางคนเนี่ยไม่เข้าใจสถานการณ์ของประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่ร่วมในขบวนการทำความผิดทั้งสิ้น อันนี้ผมฝากให้ชาวโลกได้ดูด้วยแล้วกัน ให้รับทราบด้วย กรุณาสอบถาม กรณีผู้ที่อยู่ต่างประเทศ หนีไปพูดโน่นพูดนี่ ประชุมโน่นนี่ กลับมาเล่นงานประเทศไทย ก็ผมคิดว่าไม่น่ากลับมาอะนะ กลับมาก็กลับไม่ได้ ผมคิดว่าคนไทยคงไม่ยอมอยู่แล้ว ไปประณามประเทศตัวเอง ผมคิดว่าคนเหล่านี้ คนไทยไม่น่าจะยอมรับได้นะ มีหลายคนนะ วันหลังน่าจะเอาชื่อขึ้นจอซะทีนะ ที่หนีไปเนี่ย หนีด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง คดีเล็กๆ น้อยๆ ก็หนีแล้วก็ไปด่าประเทศไทย ผมไม่เข้าใจจริงๆ และก็ไปสนับสนุนอยู่พวกเดียวกันนั่นแหละ ก็คิดเอาแล้วกัน

ช่วยกันนะครับ เราต้องรู้ว่าเราจะอยู่กันยังไง เราเป็นคนไทย แล้วทำไมคนเหล่านั้นถึงเอาประเทศเป็นตัวประกัน แล้วก็ทำลายประเทศชาติ เอาประชาชนเป็นโล่กำบัง ก็เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมานั่นแหละ ทำลายประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองทั้งๆ ที่มีคนไม่กี่คนน่ะที่ทำความผิดแล้วหลบหนีคดี จริงๆ แล้วคนเดียว ทำทุกอย่างมันบานปลายไปหมด คนอื่นก็ตามกันไปด้วยความหลงเชื่อนะครับ หรือจะเชื่อมั่นศรัทธายังไงก็แล้วแต่ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้นะมันผิดกฎหมายทั้งหมดก็ผิดหมด

เรื่องที่ 4 เรื่องการปฏิรูป ถ้าเราไม่เคารพกฎหมายกันแล้ว ไม่ร่วมมือกันไม่มีใครทำได้หรอก อย่างมากมันก็ได้แต่พูดกัน พุดอย่างนี้อย่างนั้นพูดถึงปัญหาพูดถึงสิ่งที่เราต้องแก้ไขแต่ไม่มีวิธีการ วันนี้รัฐบาลกำลังหาวิธีการแล้วก็ใช้วิธีการหลายอย่างทำมาแล้ว ทำมา 1 ปี 9 เดือน ไม่ใช่ง่ายๆ กว่าจะหากฎหมายได้ กว่าจะหาวิธีการได้ กว่าจะปรับแก้วิธีการบริหารจัดการได้ กว่าจะให้ข้าราชการได้เข้าใจ เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้สร้างการเรียนรู้เหล่านี้ไว้ อันนี้คือความยาก

หลายคนอย่ามากบอกว่าไม่ได้ผลอะไรเลย ปฏิรูปก็ไม่ได้ปฏิรูป อันที่ 1 บ้านเมืองสงบไหมครับ อันที่ 2 กฎหมายที่ออกมามันมีประโยชน์ต่อประชาชนไหม อันที่ 3 สิ่งที่เราทำมาแล้ววันนี้ มันสนับสนุนการลงทุนต่างประเทศหรือเปล่า กฎหมายระเบียบกติกา กฎหมายที่เป็นสากลออกมาใหม่ให้หรือเปล่า แล้วทำไมประเทศต่างๆ ถึงมารุมเยือนประเทศไทยเพื่อจะมาแสวงหาความร่วมมือกับประเทศไทย แต่มีคนไทยต่อต้านทุกประการ ผมเลยไม่เข้าใจว่านี้คือประเทศไทยหรือไง

เพราะฉะนั้นคนไทยกรุณาแสดงความคิดเห็นออกมา ก็อย่าเงียบกันมากนักนะ ส่วนใหญ่ก็สนับสนุนตลอดครับตลอดเต็มที่กำลังใจ สนับสนุนได้พูดได้แต่อย่าผิดกฎหมาย เพราะเป็นพื้นฐานของการอยู่ร่วมกันในสังคม แสดงความคิดเห็นอันเป็นประโยชน์แล้วก็เพื่อการเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ในอนาคต ฉะนั้นอย่าต่อว่ารัฐบาลมากนักเลยผมไม่ได้ออกมาบ่นอะไรนักหรอกยังไงท่านบ่นยังไงผมก็ทำผมก็จะอยู่ตรงนี้นะ บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์นะท่าน

รัฐบาลกำลังทำให้แข็งแรง ถ้าหากต้องการปฏิรูป ประชาชนทุกคนต้องเรียกร้องต้องการปฏิรูปก็แสดงความคิดเห็นกันออกมา อยากปฏิรูปแต่จะปฏิรูปยังไงท่านก็บอกมาแล้วกัน ผมก็จะทำให้ ใครที่ไม่ต้องการการปฏิรูปก็บอกมาให้ชัดเจนเลยว่าไม่ต้องการปฏิรูป ถ้าไม่ปฏิรูปจะเดินหน้าประเทศยังไงบอกมาให้ชัด อย่ามาพูดให้ไขว้เขวกันไปไขว้เขวกันมาแล้วก็อ้างประชาชนต้องการ ผมไปต่างจังหวัดผมก็เห็นประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำโน้นทำนี้ให้เขาแล้วผมก็ทำไปให้เขาตั้งเยอะแล้ว ก็ยังไปเอาสิ่งที่มันบิดเบือนมาพูดอีก

ตัวเลข โพลต่างๆ ก็ไปดูเอาแล้วกัน มันก็แล้วแต่จะทำนะ หลายๆ อย่างก็มันอยู่ที่คำถามนะอยู่ที่คำตอบด้วยและก็อยู่ที่จะถามใคร ฉะนั้นประชาชนต้องเชื่อมั่นตัวเอง แล้วก็เพิ่มพูนความรู้ เรียนรู้ตัวเองว่าเราจะรู้เท่าทันเขาอย่างไร ประชาชนทุกคนผมถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์นะครับ เขาจริงใจกับทุกคนนั้นแหละ เพราะฉะนั้นใครที่จริงใจกับเขาก็จะตอบสนองท่าน แต่ถ้าใครไม่จริงใจกับเขานั้นแหละเป็นการแสดงที่เรียกว่าทำร้ายพวกเขา หยุด อย่าให้เขาหลอก ประชาชนต้องอย่าให้เขาหลอกเพื่อให้เป็นบันไดปีนสู่อำนาจและผลประโยชน์ในอนาคต เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยกันระมัดระวัง

ในเรื่องคดีความก็ปล่อยไปเป็นแนวทางของกฎหมาย อย่าไปพิจารณาเองอย่าไปคิดเอาเอง จริงๆ แล้วการที่จะลงโทษอะไรก็ตามไม่ใช่ง่ายๆ ถ้าอยู่ดีๆ สั่งนี้สั่งโน้นไม่ใช่ มันต้องมีกระบวนการเริ่มต้นมีการร้องเรียนอะไรต่างๆ มาผมก็ให้ไปสอบสวน นำเข้าคณะพิจารณา คณะพิจารณานำขึ้นมา ถ้าจำเป็นใช้กฎหมายปกติได้ก็กฎหมายปกติ กฎหมายพิเศษเพื่อจะสอบสวนต่อ ผมก็ไม่ได้ว่าใครผิดใครถูกสักคนเลย แต่มันก็จำเป็นเพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาต่อไป ก็ต้องขอโทษถ้าหากทำให้ท่านต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงอะไรก็แล้วแต่ แต่มันก็ด้วยความจำเป็นเพราะมันมีผลต่อประเทศในกิจการแต่ละกิจการ ก็ถือว่าเพื่อสร้างความเจริญขึ้น ก็ขอร้องกัน

เพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่ให้มีประชาธิปไตยแบบเดิมๆ มีการทุจริตคอร์รัปชั่น มีการเพิกเฉยไม่บังคับใช่กฎหมาย ไม่ว่าจะรวยใครก็แล้วแต่ ผู้มีอิทธิพล นักการเมือง รัฐบาล มันทำให้บ้านเมืองไร้ขื่อแป ธุรกิจผิดกฎหมายก็มากมาย ไม่สุจริตบ้านเมืองไม่เป็นระเบียบ วันนี้ไปดูซิจับอะไรได้บ้างจับได้ทุกวัน ไม่ว่าจะการพนัน บุกป่า ทุกวันนี้ยังมีอยู่เลย บุกป่าตัดไม้พยุง ล่าสัตว์ป่า วันก่อนผมก็ไปร่วมงานวันสิ่งแวดล้อมโลก วันที่ 5 มิถุนายน เพิ่งจัดมาเมื่อ 2-3 วันนี้ หยุดล่า หยุดขาย หยุดค้าแล้วก็หยุดกิน ซึ่งนั้นก็คือสัตว์ป่านั้นแหละ

ไม่เกิดประโยชน์ผมสงสารเขา ผมเห็นรูป ลิง ช้าง ดูเทียบแววตาคนกับแววตาเขามันเหมือนกันนั้นแหละ เขาก็คือชีวิต ชีวิตหนึ่ง โลกต้องประกอบไปด้วย คน สัตว์ พืชแล้วก็ทรัพยากรธรรมชาติ มันต้องอยู่ด้วยกัน มีที่ให้กินตั้งเยอะตั้งแยะมีอย่างอื่นให้กินตั้งมากมาย ก็ไปกินในสิ่งที่มีชีวิตในที่มันไม่ใช้อาหารไม่ได้เกิดมาเป็นอาหารของมนุษย์ไง ผมว่าบาปกรรมนะ บาปกรรม ไม่ดีหรอก ทางธรรมพุทธศาสนาก็สอนไว้ว่าไม่ดีหรอก รัฐบาลนี้พยายามทำทุกอย่าง

ก็ขอให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณของตนเอง อย่าให้ใครมาปิดหูปิดตาหรือเปิดหูเปิดตาในทางที่มันไม่ถูกต้อง ฟังความทั้ง 2 ทาง ฟังผมก็ได้แล้วฟังเขาบ้างแล้วถามเขาว่าไอ้ที่ผมพูดเนี่ยว่าไง ถ้าเขาตอบผิดก็มาถามผมซิว่าใช่หรือเปล่า ถ้าเขาบอกสิ่งที่ผมพูดในทางที่มันไม่ดีกับท่านก็มาถามผมกลับที่ทำเนียบ ผมพร้อมจะตอบทุกคำถาม แต่ท่านถามเขาก็ให้เขาตอบทุกคำถามด้วยแล้วกัน แล้วเอาคำถามคำตอบเขามาบอกผม แล้วผมจะอธิบายให้ดูว่าทุกเรื่องมันเป็นอย่างไร ทุกอย่างนี้ที่ผมเอาจริงจังวันนี้เพราะว่ามันเป็นอนาคตของเราของประเทศชาติและลูกหลานในอนาคตผมไม่อยากให้เวลามันเสียเปล่าที่เข้ามาเนี่ย

วันนี้ต้องมาพูดทุกเรื่องทุกประเด็น แทนที่จะพูดถึงเรื่องที่มันก้าวหน้าพูดถึงสิ่งที่มันเป็นประโยชน์ ต้องมาตอบโต้ในสิ่งที่มันบิดเบือนอยู่อย่างนี้มันเสียเวลาของผม เสียอารมณ์ด้วยนะ เพราะฉะนั้นอยากให้ไปดูซิว่าที่ผ่านมามีรัฐบาลไหนที่มาชี้แจ้งทุกเรื่องอย่างนี้ เสร็จแล้วท่านก็มาเก็บประเด็นเล็กประเด็นน้อยมาจับผิดผม เพราะฉะนั้นท่านคงอยากให้ไม่ต้องพูดอะไรเลยมั่งแบบเก่าหรือเปล่าล่ะ ต่างคนต่างไม่ต้องรู้อะไรกัน อนาคตก็ไม่ต้องรู้ ถ้าเป็นแบบนั้นประเทศชาติก็อยู่ที่เดิม อยากให้ทุกคนใช้สติให้มาก มากกว่าการใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึก ใช้ธรรมะให้มาก น้อมนำแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครองคน ครองเรือน ประกอบกิจการงานในสิ่งที่ถูกที่ควร อันจะนำความเจริญมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนตลอดไป

นายกฯ เชิญชวนคนไทยเที่ยวงานตลาดคลองผดุงฯ 5-24 ก.ค.นี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สุดท้ายนี้ผมอยากให้ครอบครัวคนไทยใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ พักผ่อนให้มีความสุข อาทิ เช่น 1.ตลาดคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบ 5-24 กรกฎาคมนี้ จะเป็นตลาดจำหน่ายสินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติและชุมชน มีกิจกรรมสร้างจิตสำนึก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม คัดแยกขยะ การลดใช้ถุงพลาสติกการเพิ่มใช้ถุงผ้าเป็นต้น วันนี้ผมอยากให้เพิ่มเป็นสัก 2 วัน เพิ่มวันเดียวลดไปหลาย 10 ล้านต้น เพราะฉะนั้น 2 วัน ใช้ถุงผ้าแทน มันจะลดได้เป็น 2 เท่า หรือ 3 วันก็ 3 เท่า

มันต้องลดให้มากทั้งบนบกทั้งในทะเล ในทะเลก็เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ ตายเยอะเลยปลาใหญ่ปลาเล็ก กินถุงพลาสติกเข้าไป เขาไม่รู้หรอก ท่านทำบาปนะ เพราะฉะนั้นลดการใช้ถุงพลาสติกให้มาก อย่าเอาสะดวกอย่างเดียว ขอเชิญชวนห้างร้านต่างๆ ภาคธุรกิจเอกชนนะครับกรุณาสนับสนุนในเรื่องถุงผ้า ลดการใช้ถุงพลาสติกกับรัฐบาลด้วย ถือว่าช่วยกัน

อีกเรื่องก็คลองผดุงกรุงเกษมเหมือนกันผมก็ได้ให้นโยบายไปแล้ว แล้วทาง กทม.ก็เริ่มปฏิบัติไปแล้ว คือนำเรือมาวิ่งให้บริการผู้โดยสาร อาจจะเป็นลำเก่าก่อน เป็นเวลาไหนที่ระดับน้ำสามารถวิ่งได้ก็วิ่ง ระดับไหนที่วิ่งไม่ได้ก็ต้องหยุดไปก่อน อย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นแล้วต่อไปก็กำลังจะมีแผนงานที่จะทำให้มันสมบูรณ์ในอนาคตด้วย ก็ขอขอบคุณ กทม.นะครับ แล้วก็อีกประการหนึ่งผมมีนโยบายให้มีเรือขายกาแฟ ผมอยากให้มันกลับไปทบทวนเหมือนคลองที่ผมเคยอยู่ตอนเด็กๆ นะ ผมเคยอยู่ริมคลองบางหลวง เช้า กลางวัน เย็น ผมก็นั่งรอเรือก๋วยเตี่ยวพายขายก็อร่อยดีนะ แต่มันต้องดูว่าเขาใช้น้ำในคลองหรือเปล่า แต่ปรากฏว่าเขาใช้น้ำในตุ้มที่เอามาเอง

อันนี้ก็ต้องช่วยกันนะ เรื่องเรือก๋วยเตี่ยว เรื่องกาแฟ ผมอยากให้เริ่มต้นก่อน เสาร์อาทิตย์นี้ทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ต้องมาเพราะใครหรอกมันมีคนตั้งแต่ตั้งแยะที่เขาเลือกมาวันหน้าอาจจะมีเรือจ้างก็ได้เรือแจวเรือจ้าง เรือเงียบๆเป็นเรือท่องเที่ยว แล้วก็มีอุปกรณ์ในการป้องกันอุบัติภัยทางน้ำ มีห่วงยางมีอะไรต่างๆ ให้เรียบร้อย เพราะฉะนั้นทุกคนรู้ตัวอยู่แล้วว่ายน้ำเป็นหรือไม่เป็น ถ้าไม่เป็นก็อย่าลงไป ถ้าเราเริ่มต้นอย่างนี้ได้ คลองเหล่านี้ก็จะต่อไปยังคลองอื่นๆ ก็จะได้พัฒนาคลองอื่นไปด้วย แล้วคลองที่เหลือเราจะทำยังไง ถ้าบอกว่าติดสะพานท่านก็ไปต่อตรงสะพานนู้นก็ได้มีอีกช่วงหนึ่งที่จะไปขึ้นเรืออีกลำหนึ่งอีกสะพานหนึ่ง

ก็ไปทำท่าเทียบเรือให้ได้ คิดแบบนี้ มันถึงจะเกิดได้ วันหน้ามันก็จะสามารถไปได้ทุกคลอง ถ้าเราทำอย่างนี้ได้มันก็จะลดการใช้รถยนต์ลงไปได้พอสมควร อันที่ 2 ก็ไม่ต้องไปกังวลรถติดไม่ต้องสร้างมลภาวะด้วย คิดแบบนี้ ถ้าเรือลำใหญ่มันติด ก็เรือลำเล็กใช่ไหมล่ะ ถ้ามันไปไม่ได้น้ำมันตื้นก็ต้องเรือท้องแบน เขาเรียกคิดแบบนี้มันถึงจะไปได้ คิดนอกกรอบซะบ้างวิธีการแก้ปัญหามีเยอะแยะไป

นายกฯ ชวนประชาชนเชียร์ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยแข่ง 6-10 ก.ค.นี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องกีฬาเหมือนกัน ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวไทยมาเป็นกำลังใจให้กับนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยในการแข่งขันกับทีมชาติบราซิลในวันพุธที่ 6 กรกฎาคมนี้ เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ช่วยกันเป็นเจ้าภาพวอลเลย์บอลหญิงเวิลด์ กรังด์ปรีย์ 2016 รอบสุดท้าย ณ อินดอร์สเตเดียมหัวหมาก กรุงเทพ ระหว่างวันที่ 6-10 กรกฎาคมนี้ ก็ขอบคุณนะครับทีมวอลเลย์บอลขอให้ทำเต็มที่ผมเห็นแล้ว แข่งไม่หยุดเลยนะอาทิตย์หนึ่งแข่งไม่หยุดเลย รักษาสุขภาพให้ดี กีฬามันอยู่ที่วิทยาศาสตร์การกีฬาก่อนแข่งและหลังแข่ง

ก่อนแข่งครั้งต่อไปหลังแข่งมันต้องมีการฟื้นฟู ฟื้นฟูด้วยวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างไร เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น และอีกเรื่องก็คือเรื่องของนักจิตวิทยา และก็อย่าหลงลืมว่าเราเล่นกีฬาไปตลอดชีวิตไม่ได้อายุมากหลายคน หลายทีมก็ไปหานักกีฬาใหม่ที่ขายาวๆ แขนยาวๆ ขายาวๆ ที่ตบแรงๆ ไปหามา ผมว่ามีนะคนไทยรุ่นใหม่เพียงแต่ว่าเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าเขามีพรสวรรค์ทางนี้หรือเปล่า ไปหามาเถอะครับช้างเผือกเยอะแยะไป จะได้สนับสนุนดูแลเขาได้

"พล.อ.ประยุทธ์" แนะอย่าโทษใครกรณีน้ำท่วม-การจราจร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงท้ายว่า เรื่องน้ำท่วมการจราจรก็อย่าถือว่าเป็นการโทษใครโทษใครเลย เพราะฉะนั้นผมว่าต้องช่วยกัน ต้องช่วยกัน นี้ผมก็สั่งการไปหลายอย่าง ให้มีมาตรการช่วยเหลือทั้งกระทรวงมหาดไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กทม. ต้องช่วยกันทั้งหมด เพราะสถานการณ์ในกรุงเทพฯ ท่านก็เห็นอยู่แล้ว พื้นถนน ท่อระบายน้ำเป็นยังไง ซึ่งมันพัฒนาไม่ทัน อันนี้ก็ต้องไปดูซิว่าความเป็นระเบียบจะทำอย่างไร ก็เมื่อในวันนี้ถนนเส้นทางผังเมืองมันทำไม่ได้ทั้งหมด เพราะมันปล่อยปะละเลยมาถึงขนาดนี้แล้ว การที่เราจะไปรื้อใหม่ ทำใหม่ทั้งหมด มันก็ไม่ได้อีก จะไปทำเพิ่มเติมก็ไม่รู้จะทำตรงไหน เพราะมันติดคนไปหมด นี้ล่ะที่เรียกว่าการเจริญเติบโตของเมืองใหญ่ที่ไม่มีการวางแผนงานไว้ล่วงหน้า ผมถึงบอกว่าวันนี้ต้องไปคิดแล้วนะครับว่าใน 18 กลุ่มจังหวัด ใน 76 จังหวัด คืออย่าไปคิดแต่จะอยู่ในเมืองกันต้องตีกรอบข้างนอกแล้วว่าจะทำอย่างไร ว่าจะขยายเมืองออกข้างนอกได้อย่างไร เพราะฉะนั้นก็ไปดูศักยภาพของแต่ละกลุ่มจังหวัด จะทำอย่างไรถ้าเมืองไหนเป็นศูนย์กลาง ตรงนั้นก็ต้องไปความเชื่อมโยงในกลุ่มจังหวัดของตัวเองได้อย่างไร ไม่ใช่ทุกคนต้องการความเจริญเหมือนกันหมด ต้องการถนน 8 เลน เท่ากันหมดมันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นต้องไปวิธีการให้ได้นี้คือแนวทางที่รัฐบาลได้ส่งเสริมลงไปและกำหนดนโยบายลงไป ต้องร่วมมือกันทั้งรัฐเอกชน ประชาสังคม แม้กระทั่ง NGO ต่างๆ ก็ตาม ทำเพื่อประเทศไทย ทุกอย่างมันสำเร็จแน่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง