นักการเมืองสหรัฐยังไม่สามารถหาทางออกเรื่องการเพิ่มเพดานการก่อหนี้ได้ โดยล่าสุดความไม่ลงรอยในพรรครีพับลิกันทำให้ต้องเลื่อนการลงมติออกไป หลังจากที่นายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถเกลี้ยกล่อมสมาชิกหัวอนุรักษ์นิยมจัดในพรรค ให้ลงมติสนับสนุนร่างที่เขาเป็นผู้เสนอได้
โดยกลุ่มสมาชิกหัวอนุรักษ์จัดในพรรครีพับลิกัน ยืนยันไม่ต้องการให้มีการเพิ่มเพดานการก่อหนี้ขึ้น ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม เนื่องจากมองว่าร่างข้อเสนอของนายโบเนอร์ ยังปรับลดงบประมาณค่าใช้จ่ายภาครัฐไม่เพียงพอ
ความล่าช้าในการลงมติรับรองร่างของนายโบห์เนอร์ ทำให้ไม่ชัดเจนว่าสหรัฐจะสามารถหาข้อสรุปการเพิ่มเพดานการก่อหนี้จากเดิมที่เต็มเพดานก่อหนี้ 14.3ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐไปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมได้ทันก่อนวันที่ 2 สิงหาคม ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายในการชำระหนี้หรือไม่ เพราะหากไม่มีเงินก้อนใหม่เข้ามาหมุน สหรัฐก็เผชิญกับความเสี่ยงจะผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการชำระหนี้ของประเทศ
แต่แม้ว่าแผนของนายโบเนอห์จะผ่านการรับรองจากสภาล่าง แต่ยังมีอุปสรรคขั้นต่อไป นั่นคือการโหวตคว่ำร่างในวุฒิสภา ซึ่งพรรคเดโมแครตและผู้สมัครอิสระมีคุมเสียงข้างมากได้อยู่ นอกจากนี้ทำเนียบขาวยังส่งสัญญาณว่าประธานาธิบดีอาจใช้สิทธิวีโต้การรับรองแผนของสภาผู้แทน ซึ่งจะทำให้สถานการณ์ในสภาคองเกรสยิ่งตึงเครียด
นักวิเคราะห์มองว่า ท้ายที่สุดแล้วจะมีการเจรจากันอย่างหนักตลอดสัปดาห์ จนสามารถหาข้อตกลงได้ในนาทีสุดท้าย ซึ่งน่าจะมีการปรับแผนของนายโบห์เนอร์กับแผนของประธานวุฒิสภาแฮรี่ รี้ด จากพรรคเดโมแครตที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโอบาม่าเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดการประนีประนอมและสามารถเพิ่มเพดานก่อหนี้ได้ในที่สุด
โดยนางคริสตีน ลาการ์ด ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ เตือนว่าหากสหรัฐไม่สามารถเพิ่มเพดานการก่อหนี้ได้ทันวันที่ 2 สิงหาคม อาจจะส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงกว่าเดิม รวมทั้งสร้างความกังขาแก่ชาติที่ถือเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศว่าจะมีค่าเพียงพอหรือไม่ นอกจากนี้เธอยังไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดหลักทรัพย์จะหนักเพียงใด
ในอดีตที่ผ่านมา สหรัฐเคยเพิ่มเพดานการก่อหนี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้งจนแทบจะกลายเป็นเรื่องวาระประจำ แต่ปีนี้ส.ส.หัวหนุรักษ์ของรีพับลิกัน ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งเข้าสภา ต้องการเพิ่มวินัยการเงิน และปรับลดงบประมาณภาครัฐมากกว่าปกติ เพื่อแลกกับการขึ้นวงเงิน