คุ้มเข้มสนามบิน-สถานีขนส่ง-ห้างสรรพสินค้า รับคำเตือนคาร์บอมบ์ 25-30 ต.ค.

อาชญากรรม
11 ต.ค. 59
19:50
2,086
Logo Thai PBS
คุ้มเข้มสนามบิน-สถานีขนส่ง-ห้างสรรพสินค้า รับคำเตือนคาร์บอมบ์ 25-30 ต.ค.
หลังจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังการก่อเหตุตามสถานที่สำคัญ วันนี้ (11 ต.ค.2559) เจ้าหน้าที่เพิ่มการตรวจตราเฝ้าระวังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยาน รวมทั้งเชิญตัวผู้ที่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ไปพูดคุย

คำสั่งจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ให้เฝ้าระวังเหตุร้ายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้วันนี้ เจ้าหน้าที่ด้านความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มความถี่ออกตรวจพื้นที่ภายในอาคารผู้โดยสาร โดยสุ่มตรวจกระเป๋า สัมภาระทั้งของชาวไทยและต่างชาติ

ขณะที่ช่วงเช้า ทหารจากกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ฯ สนธิกำลัง ตำรวจภูธรภาค 1 และตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการเข้าตรวจค้นห้องพักแห่งหนึ่งในซอยอักษรลักษณ์ ตำบลปากน้ำ หลังพบข้อมูลว่า มีผู้ต้องสงสัยที่อาจเชื่อมโยงกับคดีความมั่นคงมาพักอาศัย

เจ้าหน้าที่พบนายปรีชา สามะลี ชาว อ.รามัน จ.ยะลา ที่อ้างว่าประกอบอาชีพรับซ่อม รวมทั้งซื้อ-ขาย โทรศัพท์มือถือ ส่งจำหน่ายร้านค้าใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ เจ้าหน้าที่จึงเชิญตัวไปพูดคุยสอบถามที่มลฑลทหารบกที่ 11 แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ

ด้านฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดชายแดนใต้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เพิ่มกำลังคุมเข้มพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดยะลา หลังจากการข่าวทราบว่าผู้ก่อเหตุนำรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นแอคคอร์ด สีดำท ะเบียน วฐ 1563 กรุงเทพมหานคร และ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ ทะเบียน บต. 3597 ยะลา เข้ามาในพื้นที่โดยให้ด่านตรวจขาเข้าเขตเทศบาลนครยะลา 4 มุมเมือง และด่านตรวจย่อยต่างๆ พร้อมกำชับให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจตรวจสอบบุคคล รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่เดินทางเข้าสู่ตัวเมืองยะลาอย่างละเอียด โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีลักษณะคล้ายรถเป้าหมาย ซึ่งผู้ก่อเหตุอาจเปลี่ยนแปลงป้ายทะเบียนและสี พร้อมทั้งประกอบวัตถุระเบิดเตรียมนำไปก่อเหตุความรุนแรงในพื้นที่

ในกรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนว่าอาจมีการนำรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้าแอคคอร์ด สีดำ ทะเบียน วฐ 1563 กรุงเทพมหานคร และรถยนต์มิซซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีดำ ทะเบียน บต 3597 ยะลา นำมาใช้ก่อเหตุคาร์บอมบ์ระหว่างวันที่ 25-30 ต.ค.2559

ขณะนี้มีรายงานว่ารถทั้ง 2 คันยังอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ ทำให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจทั้งขาเข้าเขตเทศบาลนครยะลา 4 มุมเมือง และด่านตรวจย่อยต่างๆ เข้มงวดตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากผู้ก่อเหตุอาจจะเปลี่ยนแปลงป้ายทะเบียนและสี พร้อมทั้งประกอบวัตถุระเบิด เตรียมนำไปก่อเหตุความรุนแรง

ด้านบริษัท ท่าอากาศยานไทย เปิดเผยว่ามีมาตรการรักษาความปลอดภัย ทั้งภายในและพื้นที่รอบนอกสนามบินอย่างเข้มงวดรองรับแล้ว โดยได้สั่งการให้สนามบินทุกแห่งเฝ้าระวังด้านการรักษาความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระดับ 3 จากทั้งหมด 4 ระดับ และเพิ่มวงรอบการการตรวจตราของเจ้าหน้าที่ภายในสนามบิน เฝ้าระวังสถานการณ์ผ่านกล้อง CCTV การตรวจค้นสัมภาระ และการออกบัตรอนุญาตบุคคลและยานพาหนะที่เข้าออกภายในสนามบินตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่บริษัทขนส่งติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัตถุระเบิดในลักษณะเดียวกันกับท่าอากาศยาน โดยเฉพาะสถานีขนส่งหมอชิตที่มีทางเข้าออก 3 ทาง จัดให้เหลือจุดเดียว และประสานเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจเดินตรวจเฝ้าระวัง รวมทั้งตรวจระเบิดที่อาจแฝงมากับพัสดุ

ขณะที่รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์รถไฟฟ้าบีทีเอส และรถไฟฟ้าใต้ดิน ยังใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดตามที่มีมาก่อนหน้านี้

นายสมชาย ชมระกา อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว เปิดเผยว่าหลังมีการแจ้งเตือนได้ ประสานกับเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงเฝ้าระวัง ก่อนที่ลูกทัวร์จะเดินทางไปถึงเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยให้บริษัทนำเที่ยวปฏิบัติในลักษณะเดียวกัน แต่ยืนยันว่ายังคงโปรแกรมการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ตามเดิม และยังไม่มีประเทศไทยประกาศเตือนนักท่องเที่ยวในเวลานี้

ขณะที่มีรายงานว่าห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยมีการตรวจรถทุกคันอย่างละเอียดก่อนเข้าลานจอดรถของห้าง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขอสื่อระมัดระวังการนำเสนอข่าวแจ้งเตือนเหตุคาร์บอมบ์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมแนะนำว่า ควรนำเสนอในลักษณะแจ้งเตือนสังคมมากกว่าการทำให้เกิดความตื่นตระหนก

นายกฯ ระบุว่า การแจ้งเตือนลักษณะนี้มีมาตลอด ซึ่งสื่อต้องระมัดระวังในการนำเสนอข่าว และมองว่า การนำเสนอควรอยู่บนความพอดี ไม่ใช่ทำให้เกิดความตื่นตระหนก หรือ กระทบกับภาพลักษณ์ของประเทศ
พร้อมขอให้มั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่และไม่ควรนำเรื่องนี้ไปเชื่อมโยงกับวันสถาปนาของกลุ่มต่าง ๆ เพราะไม่เกิดประโยชน์

เบื้องหลังคำเตือน "คาร์บอมบ์" ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

คำสั่งเฝ้าระวังการก่อเหตุเริ่มมาจากข้อมูลด้านการข่าวที่พบว่ามีรถกระบะมิตซูบิชิไทรทันสีดำ ทะเบียน จ.ยะลา และฮอนด้า แอคคอร์ด สีดำ ทะเบียน กรุงเทพฯ หลุดรอดการตรวจจับด่านความมั่นคงที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยรถทั้ง 2 คันนี้อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบกับสายข่าวของทหารที่ได้ข้อมูลวงในจากกลุ่มบีอาร์เอ็นว่า แกนนำบีอาร์เอ็นบางคนพูดว่า ถ้าไม่เชื่อว่าบีอาร์เอ็นปฏิบัติการนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ เดี๋ยวจะทำให้ดู

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายมั่นเชื่อว่า เหตุวินาศกรรมใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนเมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.2559 นั้นไม่ได้เป็นการขยายพื้นที่ก่อเหตุของกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนเหตุที่เจ้าหน้าที่ระบุว่า อาจมีการก่อเหตุในวันที่ 25 - 30 ต.ค.นั้นอาจเป็นเพราะว่า วันที่ 25 ต.ค.เป็นวันครบรอบเหตุการณ์ตากใบ คือวันที่เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมหน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ จ.นราธิวาส และมีผู้เสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจระหว่างถูกจับใส่หลังรถบรรทุกนอนทับซ้อนกัน รวมผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมและระหว่างการคุมตัวทั้งหมด 85 คน

ส่วนพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นอย่างเข้มงวด คือ ย่านรามคำแหง เพราะเมื่อปี 2556 เคยมีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดย่านรามคำแหง มีผู้บาดเจ็บ 7 คน ผู้ก่อเหตุ 4 คน เป็นคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทั้งสิ้น ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่าเกี่ยวข้องการก่อความไม่สงบในภาคใต้ที่ขึ้นมาปฏิบัตินอกพื้นที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง