วันนี้ (1 ก.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานประมงจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับชุดไกรทองแห่งลุ่มน้ำตาปี ศูนย์ปราบปรามและป้องกันการทำประมงน้ำจืดภาคใต้ สุราษฏร์ธานี พนักงานจากูเก็ตค๊อกโคไดส์ เวิร์ล และชาวประมง สามารถวางอวนจับจระเข้ได้แล้วขนาดยาว 3 ม.ซึ่งก่อนหน้านี้ ชาวต่างชาติพบจระเข้วายน้ำทะเลที่ชายหาดบางเทา จากนั้นนำโดรนไปถ่ายภาพไว้
ล่าสุด จระเข้ตัวดังกล่าวมีสภาพแข็งแรง สมบูรณ์ ขณะนี้นำตัวส่งไปพักฟื้นที่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง เขต 5 เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบต่อไป
ขณะที่ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat ระบุว่า มีข่าวเรื่องจระเข้น้ำเค็มที่หาดบางเทา ภูเก็ต ชาวต่างชาติชื่อคุณไมค์ไปเดินเล่นแล้ว สังเกตเห็น จึงวิ่งกลับมาบ้านแล้วเรียกลูกชายเอาโดรนไปถ่ายภาพไว้ คลิปที่เห็นชัดเจนมากครับว่าเป็นจระเข้ขนาดใหญ่ ความยาวน่าจะถึง 3 เมตร กรณีนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อปี 2556 ก็มีรายงานว่าชาวบ้านเคยเห็นที่หาดไม้ขาว ภูเก็ต จากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป
ก่อนที่จะถามว่าเป็นตัวเดียวกันหรือเปล่า? เรามาดูที่มาของจระเข้ก่อน จระเข้น้ำเค็มเป็นจระเข้ใหญ่ที่สุดในโลก แพร่กระจายในเขตอินโด-แปซิฟิก ตั้งแต่อ่าวเบงกอล หมู่เกาะอันดามัน เขตอาเซียนทั้งหมด ไปจนถึงตอนเหนือออสเตรเลีย ตัวใหญ่ที่สุดยาวเกิน 6 เมตร ขนาดที่พบ 3 เมตร ถือเป็นเรื่องปกติ จระเข้น้ำเค็มเคยพบในฝั่งอันดามัน มีหัวกะโหลกเป็นหลักฐานที่เกาะตะรุเตา ใครเคยไปคลองพันเตมะละกา คงจำได้ว่าข้างในมี "ถ้ำจระเข้"
แล้วเป็นไปได้ไหมที่จะมีจระเข้ตามธรรมชาติเหลืออยู่ตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงตอนนี้ โอกาสมีน้อยมากครับ แต่แน่นอนว่า ยังพอมีจระเข้น้ำเค็มอยู่แถบนี้บ้าง อาจเป็นในพม่าในสุมาตรา แต่โอกาสที่จะมาถึงภูเก็ต เป็นไปได้แต่ยากนิด อีกแหล่งอาจเป็นจระเข้หลุดจากฟาร์มหรือแหล่งที่เลี้ยงอื่นๆ ซึ่งเป็นไปได้ทั้งน้ำจืด ลูกผสม และน้ำเค็ม