สธ.ชวนคนไทยรักษาสุขภาพรับวันหัวใจโลก หลังพบเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มสูงขึ้น

สังคม
28 ก.ย. 60
14:22
531
Logo Thai PBS
สธ.ชวนคนไทยรักษาสุขภาพรับวันหัวใจโลก หลังพบเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มสูงขึ้น
ก.สาธารณสุข รณรงค์วันหัวใจโลก เชิญชวนประชาชนร่วมแบ่งปันพลังใจแก่ผู้อื่น โดยการบริโภคอาหารและน้ำที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และงดสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง หลังพบปี 2559 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ 21,008 คนและมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

วันนี้ (28 ก.ย.2560) นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า เนื่องในวันที่ 29 กันยายนของทุกปี กำหนดให้เป็นวันหัวใจโลก กระทรวงสาธารณสุขขอเชิญชวนประชาชนให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคหัวใจ หลังองค์การอนามัยโลก พบว่าปี 2555 ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ 7.4 ล้านคน สำหรับประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2555-2559 พบว่าคนไทยมีแนวโน้มการเจ็บป่วยและตายด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มสูงขึ้น เฉพาะปี 2559 มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ 21,008 คน

สำหรับปีนี้ สมาพันธ์หัวใจโลกได้กำหนดคำขวัญในการรณรงค์ว่า "Share the power" หรือแบ่งปันพลังใจ คือร่วมกันแบ่งปันวิธีสร้างพลังใจ และบันดาลใจให้แก่ผู้อื่น เพื่อเพิ่มพลังให้ชีวิต (Power Your Life) มีสุขภาพหัวใจที่แข็งแรง มุ่งเน้นรณรงค์ในทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง คือกลุ่มโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่มีภาวะอ้วน สูบบุหรี่ และไขมันในเลือดสูง โดยประเด็นในการรณรงค์ 3 ข้อ คือ 1.Fuel your heart เติมพลังให้หัวใจ บริโภคอาหารและน้ำ ช่วยเติมพลังให้หัวใจคุณแข็งแรงโดยลดอาหาร หวาน มัน เค็มจัด (น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา,น้ำมันไม่เกิน 6 ช้อนชา,เกลือไม่เกิน 1 ช้อนชา) เพิ่มผักสดและผลไม้ที่ไม่หวานจัด ลดการดื่มแอลกอฮอล์ 2.Move your heart ออกกำลังกายให้หัวใจขยับอย่างน้อย 30 นาที 5 ครั้งต่อสัปดาห์ ทำตัวให้กระฉับกระเฉงเสมอ และ 3.Love your heart รักหัวใจ งดสูบบุหรี่เป็นสิ่งเดียวที่ดีที่สุด ที่สามารถทำได้ เพื่อสุขภาพหัวใจ

นพ.เจษฎา กล่าวว่า กรมควบคุมโรคสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการประเมินโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดใน 2 ช่องทาง คือประเมินโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในสถานบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ หรือประเมินโดยตนเองผ่าน Application : Thai CV Risk Calculator หากพบระดับความเสี่ยงตั้งแต่ 30% ขึ้นไป แนะนําให้ไปพบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างเข้มข้น รีบด่วนและจัดการปัจจัยเสี่ยงได้อย่างทันท่วงที และหากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง