เมื่อวานนี้ (4 เม.ย.2561) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย เมื่อวานนี้ ปรับตัวลดลงรุนแรง ปิดตลาดที่ระดับ 1,724.98 จุด ลดลง 40.26 จุด หรือลดลง 2.28% มูลค่าการซื้อขายรวม 93,160.59 ล้านบาท
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ มาจากปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน แม้ว่าจะมีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยน้อยมาก และหากพิจารณาเชิงพื้นฐานหุ้นไทยมีปัจจัยภายในประเทศที่แข็งแกร่งและมีข่าวดี โดยเฉพาะตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้ที่หลายสำนักปรับเพิ่มประมาณการเติบโตไม่ต่ำกว่า 4% ทำให้ภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยระยะยาวยังมีทิศทางเติบโตดี ดังนั้น ในช่วงที่ภาวะหุ้นตกและมีข่าวสารกระทบการลงทุน นักลงทุนควรระมัดระวังและพิจารณาข่าวสารอย่างรอบคอบ
ด้านนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) CLSA (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยที่ลดลงแรงส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยภายในประเทศ โดยเฉพาะหลังจากธนาคารกสิกรไทยประกาศปรับลดผลดำเนินงานลงจากการประกาศฟรีค่าธรรมเนียมโอนเงินผ่านทางออนไลน์ จึงสร้างความกังวลใจของนักลงทุนที่มีต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์อีกครั้ง โดยยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังเป็นเทรนด์ขาขึ้น และจะสามารถขึ้นถึง 1,900 จุด ได้ เพียงแต่ในระยะสั้นจะต้องเผชิญกับความผันผวนบ้าง
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า การลดลงของดัชนีหุ้นไทยเกิดจาก 2 ปัจจัย คือข่าวสงครามการค้าโลก และข่าวการปรับลดคาดการณ์กำไรของธนาคารกสิกรไทยลง ส่วนวันนี้ อาจลดลงไปแตะระดับ 1,720 จุด แต่หากหลุดแนวรับ อาจจะลงไปถึง 1,700 จุด
สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชีย เมื่อวานนี้ ปรับลดลงเกือบทุกตลาด โดยตลาดฮั่งเส็ง ฮ่องกง ปิดในแดนลบ ลดลง 661.41 จุด หรือ 2.19% ปิดที่ 29,518.69 จุด ดัชนีคอมโพสิต ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลดลง ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน โดยลดลง 34.37 จุด หรือลดลง 1.41% ปิดที่ 2,408.06 จุด เช่นเดียวกับดัชนีเซี่ยงไฮ้ คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ปิดแดนลบ ลดลงไป 5.52 จุด หรือ -0.18% แตะระดับ 3,131.11 จุด