วันนื้ ( 6 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจร้านค้าทอง พบว่า มีประชาชนบางส่วนนำทองคำเก่า ที่เก็บมานานหลายปี ทั้งทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ ทยอยนำมาขายในช่วงที่ราคาทองปรับสูงขึ้น เพื่อจะทำกำไรช่วงสั้นๆ
บางร้านก็รับซื้อมาขายไปเร็ว เพราะราคาทองปรับขึ้นลงเร็ว เฉลี่ยบาทละ 50-100 บาท และยังมองว่า ราคาทองยังมีโอกาสปรับสูงขึ้นได้อีก จากช่วงนี้ที่ราคาทองคำปรับสูงขึ้นแตะ 21,000 บาทต่อบาททองคำ หากเทียบกับช่วง 5-6 ปีก่อน ราคาทองคำลดลงต่ำสุดเฉลี่ยบาทละ 18,000 บาท ทำให้ราคาทองที่ปรับขึ้นรอบนี้ สามารถทำกำไรได้
โดยราคาที่ปรับขึ้นเหนือ 21,000 บาทต่อบาทองคำ นอกจากจะทำให้มีร้านค้าส่งมาขายทองคำแล้ว ก็ยังผู้ที่ขายปลีก นำมาทองคำมาขายเพื่อจะทำกำไร บางคนก็นำทองที่เคยซื้อไว้ 5-6 ปี มาขาย
จากการพูดคุยกับนาย บัญชา จินวรเมษ นักลงทุนทองคำ บอกว่า เริ่มทยอยขายทองคำช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างวันนี้ก็นำทองคำรูปพรรณที่ซื้อไว้เมื่อช่วง 6 เดือน ที่ผ่านมา จำนวน 2 บาท ขายทำกำไรได้ เฉลี่ยบาทละ 1,000-2000 บาท
แต่ยอมรับว่า ยังมีทองบางส่วนที่ขาดทุนอยู่ เพราะราคาทองที่ปรับขึ้น ยังน้อยกว่าอดีตที่ผ่านราคาทองเคยสูงถึงบาทละ 26,000 บาท จึงต้องปรับการลงทุนทองคำ เน้นทำกำไรระยะสั้น ไม่ถือยาว เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มาก
ด้านนพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก ผู้ค้าทอง ระบุว่า ราคาทองคำปรับขึ้นนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และประเมินว่า ทิศทางราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้น คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้งในปีนี้และปีหน้า และยังมีปัญหาสงครามการค้าสหรัฐจีนที่จะปะทุขึ้น
นักลงทุนยังมองทองคำเป้นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หรือ safe haven ทำให้ช่วงนี้จะเห็นนักลงทุนทยอยขายและทยอยซื้อ เพื่อทำกำไรในอนาคต
นพ.กฤชรัตน์ คาดการณ์ว่า ทองคำในตลาดโลกปีนี้ แนวรับ 1430 -1500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำในประเทศเฉลี่ย 20,800-21,700 บาทต่อบาททองคำ
ทั้งนี้รายงานข่าวจากสมาคมค้าทองคำประจำวันที่ 06 ส.ค.2562 เวลา 14.39 น. ซึ่งปรับราคาครั้งที่ 7ในรอบวันนี้ ระบุว่าราคารับซื้อ ทองคำแท่ง อยู่ที่ 21,150 บาทต่อบาททองคำ ราคา ขายออก 21,250 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่ทองรูปพรรณ ราคารับซื้อ 20,769.20 บาทต่อบาททองคำ ราคาขายออกอยู่ที่ 21,750บาทต่อบาททองคำ