"อนุทิน" ยัน สธ.ไม่ได้การ์ดตก มั่นใจโควิด-19 ไม่ระบาดระยะ 2

การเมือง
28 พ.ค. 63
11:31
272
Logo Thai PBS
"อนุทิน" ยัน สธ.ไม่ได้การ์ดตก มั่นใจโควิด-19 ไม่ระบาดระยะ 2
"อนุทิน" รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ยืนยันกระทรวงสาธารณสุขการ์ดไม่ได้ตก มั่นใจไม่เกิดการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ระยะ 2 ในไทย พร้อมคาดว่าจะเป็นการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เดือนสุดท้ายแล้ว

วันนี้ (28 พ.ค.2563) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวชี้แจงในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เพื่อพิจารณากฎหมายว่าด้วยการเงิน 4 ฉบับ รวมวงเงิน 1.98 ล้านล้านบาทว่า นับตั้งแต่มีข่าวระบาดโรคโควิด-19 จากจีน ประมาณปลายเดือน ธ.ค.2562 กระทรวงสาธารณสุข และกรมควบคุมโรค ตั้งทีมป้องกันและคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่ก่อนสิ้นปี 2562 และใช้เวลาในช่วงหยุดปีใหม่ เตรียมการทุกอย่างให้พร้อม โดยตั้งเป้าหมายว่าเมื่อวันเปิดทำงานวันแรก วันที่ 3 ม.ค.2563 จะมีการคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้ามาประเทศไทยในจุดสำคัญๆ เช่น สนามบิน ท่าเรือ เป็นต้น

ทั้งนี้ ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศแรกที่ประกาศพบผู้ป่วยโควิด-19 นอกประเทศจีนเป็นรายแรก ซึ่งผู้ป่วยที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นนักท่องเที่ยว หลังจากนั้นมีผู้ป่วยเพิ่มขี้นต่อเนื่อง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ทำการรักษาจนหายและเดินทางกลับประเทศครบทุกคน ทำให้จีนมีความซาบซึ้งและชื่นชมประเทศไทยในการดูแลพลเมืองเป็นอย่างดี หลังจากนั้น ไทยได้รับการสนับสนุนจากเรื่องเวชภัณฑ์ ยา ข้อมูล และเทคโนโลยีจากจีนมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบัน

ผู้ติดเชื้อปัจจุบันส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ

ส่วนเรื่องการปล่อยนักท่องเที่ยวกลุ่มเสี่ยงเดินทางเข้ามายังประเทศไทย และมีการแพร่เชื้อนั้น โดยรัฐบาลประกาศให้ใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อร้ายแรง และออกมาตรการคัดกรองต่างๆ ไม่ให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อหยุดการแพร่เชื้อจากต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน การติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยไม่มีแล้ว แต่จะมาจากคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และรับเชื้อโควิด-19 เข้ามา ซึ่งไม่ได้มีปล่อยให้เดินทางอย่างเสรี แต่มีการอนุโลมให้เดินทางเข้ามาในประเทศตามที่กำหนดไว้ และได้ใช้มาตรการกักตัว 14 วัน ทำให้การควบคุมโรคระบาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ความพร้อมของสาธารณสุข จะพบว่าโรงพยาบาลทุกแห่งที่เป็นโรงพยาบาลหลักในประเทศไทย มีเครื่องมือ อุปกรณ์ ห้องตรวจเชื้อต่างๆ และในปัจจุบัน มีคนไทยและต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งกระทรวงสาธารสุขได้รับแจ้งว่ามีการควบคุมตัวและติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมาก โดยหลักมมนุษยธรรมไม่ได้ผลักดันออกไปทันที จึงต้องใช้สถานที่กักกันแล้วตั้งโรงพยาบาลสนาม ซึ่งกระทรวงสาธารสุขมีความพร้อมตั้งโรงพยาบาลสนามได้ภายใน 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ คิดว่าไม่เกิดการระบาดระยะ 2 ในประเทศไทย แต่ไม่ได้ประมาท หากเกิดขึ้นมา กระทรวงสาธารณสุขมีความพร้อมในการรับมืออย่างเต็มที่

เล็งเสนอจ่ายค่าป่วยการให้ อสม. หลังช่วยงาน

ขณะเดียวกัน เตรียมพิจารณาจ่ายค่าป่วยการให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เนื่องจากทำคุณูปการมหาศาลให้กับประเทศไทย ซึ่ง อสม.ทำให้ระบบสาธารณสุขในประเทศไทยสามารถรองรับสถานการณ์โควิด-19 และเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ในการช่วยดูแล ให้กำลังใจผู้ป่วยที่อยู่ตามภูมิลำเนาต่างๆ และช่วยคัดกรองโรค

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าระทรวงสาธารณสุขไม่ได้การ์ดตก ศัตรู คือโควิด-19 ถ้านับคะแนนยังไม่น็อกเอาท์ คะแนนเรานำอยู่ แต่เราจะน็อกเอาต์ได้ เมื่อมีวัคซีน ซึ่งในงบประมาณ 45,000 ล้านบาท ได้กระจายงบนี้ส่วนหนึ่งให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติได้ค้นหา ทดลอง วัคซีนนี้ให้ได้ ประเทศไทยเหลืออยู่อยางเดียวที่จะเป็นแชมป์สาธารณสุขของโลก คือต้องค้นวัคซีนให้ได้ เรื่องอื่นกวาดมาหมดแล้ว

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า ถ้ามีวัคซีนเมื่อไหร่ วันนั้นเราสามารถบอกได้ว่าเราเป็นผู้นำด้านสาธารณสุขอย่างแท้จริง และงบประมาณจะต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ต้องใช้พัฒนานัวตกรมม องค์ความรุ้ เครื่องมือแพทย์ และประเทศไทยจะไม่มีการเลือกใครอยู่ใครตาย เหมือนกับประเทศมหาอำนาจบางประเทศ ส่วนการผ่อนคลายมาตรการนั้น ซึ่งในปัจจุบัน ยังคงมีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อยู่ โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ใช้ 3 เดือน และต่อครั้งละ 1 เดือน คาดว่าเมื่อครบกำหนดในครั้งนี้ และประเทศไทยพร้อมจะเดินออกแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง