วันนี้ (17 มิ.ย.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จ.หนองบัวลำภู กว่า 100 คน นำโดย นายอมรฤทธิ์ จิตรพันธุ์ถวิล ประธาน อสม.ต.หนองบัว เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมถือป้ายข้อความโจมตีการทำงาน และเรียกร้องให้ย้าย นพ.ประสานชัย วิรัตนะ ผอ.โรงพยาบาลหนองบัวลำภู โดยระบุว่า ทำงานไม่โปร่งใส และต้องการให้ย้ายออกนอกพื้นที่ด่วน ภายใน 24 ชั่วโมง
ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู ได้มารับหนังสือร้องเรียนโดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับสภาพปัญหาการบริหารงานของผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลหนองบัวลำภู ซึ่งมีทั้งหมด 10 ข้อ โดยประเด็นสำคัญ คือ มีการระบุว่า มีคำสั่งให้ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ของโรงพยาบาล, ยึดบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ป่วยฐานะยากจนที่มารักษาแล้วไม่มีเงินจ่าย โดยจะคืนบัตรประชาชนให้เมื่อนำเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลจนหมด
มีนโนบายหากำไรกับผู้ป่วยในช่วง COVID-19 โดยเก็บค่าส่งยาจากผู้ป่วยคนละ 100 บาท หากผู้ป่วยไม่พร้อมจะจ่ายจะไม่บริการส่งยาให้ ทั้งที่ อสม.ยินดีช่วยบริการส่งยาให้แก่ผู้ป่วย และทำลายระบบ PCC (Primary Care Clutter) พร้อมโยกย้ายเจ้าหน้าที่โดยใช้อำนาจหน้าที่ตามใจชอบ
ด้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้เป็นเรื่องของ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นผู้ดำเนินการ เพราะถือว่าเป็นผู้บริหารระดับสูง การสั่งการในการดำเนินการ ต้องเป็นระดับปลัดกระทรวงสาธารณสุข
ขณะที่ นพ.สุรพงษ์ ผดุงเวียง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู กล่าวว่า เรื่องนี้จะ มีการตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อนำเรียนผู้บังคับบัญชาต่อไป คาดว่าจะเรียบร้อย ภายในสัปดาห์นี้ ส่วนเรื่องของการย้ายนั้น หลังจากตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ก็จะรายงานไปยังปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการต่อไป
ทางด้าน นพ.ประสาน ชัยวิรัตนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองบัวลำภู ชี้แจงข้อร้องเรียนของ อสม. กับผู้สื่อข่าวว่า ตนก็เพิ่งทราบเรื่องการประท้วงให้ย้ายเมื่อเช้าวันนี้ ในรายละเอียดยังไม่ทราบ
เบื้องต้นทราบว่า มีการระบุว่า มีการไปเก็บเงินหรือทำลายระบบสาธารณสุข ที่ชาวบ้านเขายินดี เบื้องต้น ผมขอชี้แจงว่า ผมเติบโตมาจากทีมปฐมภูมิ ผมยึดถือว่าสุขภาพดีที่ปฐมภูมิ จะให้คนในระดับรากหญ้าได้รับบริการดีเยี่ยมสุขภาพดีที่ปฐมภูมิตั้งแต่ปี 2552
ส่วนเรื่องที่มีการเรียกเก็บเงินค่าส่งยา เนื่องจากโรงพยาบาลหนองบัวลำภูเป็นโรงพยาบาลของรัฐ ที่ดำเนินการส่งยาถึงบ้านเป็นโรงพยาบาลแรกๆ จึงเริ่มส่งตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.2563 ก่อนที่ สปสช.จะเริ่มจ่ายเงินแทนประชาชน
ในตอนนั้นจึงคิดว่า ตั้งแต่ค่ารถ ค่าอาหาร ที่ประชาชนมารอที่โรงพยาบาลน่าจะอยู่ที่ 100-120 บาท ก็มาคำนวณต้นทุนและขอเรียกเงินปลายทางจากประชาชน 100 บาท ทุกบัตรทุกสิทธิ์
แต่เมื่อ สปสช.มาจ่ายเงินแทนประชาชนในเดือน มี.ค.–เม.ย.ก็อาจจะของดเก็บ ตอนนี้ขอไปดูรายละเอียดก่อนว่า เจ้าหน้าที่ส่งยากันถึงไหนแล้ว
ส่วนที่มีการเก็บเงินและยึดบัตรประชาชนนั้น จะเป็นในกลุ่มอุบัติเหตุ ที่ไม่มี พ.ร.บ.กลุ่มนี้ ถ้าไม่มี พ.ร.บ.ก็ต้องชำระเงินเอง หรือใช้พ.ร.บ.ชำระเงินเอง และใช้สิทธิ์กองทุนประกันผู้ประสบภัยจากรถ ซึ่งทั้ง 3 กองทุนทางโรงพยาบาลยังไม่เคยทำมาก่อน โดยก่อนที่จะมารับตำแหน่ง ทำให้โรงพยาบาลสูญเสียรายได้ไป 1-1.5 ล้านบาท
ผอ.รพ.หนองบัวลำภูกล่าวต่อว่า กรณียึดบัตรประจำตัวประชาชน เป็นการเข้าใจผิด เพราะที่ยึดบัตรไว้ เนื่องจากเขาไม่มีญาติมาติดต่อเลย จึงจำเป็นจะต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลต่างจังหวัด เช่น รพ.ศูนย์อุดรธานี เพื่อผ่าตัดสมองและจำเป็นต้องรอญาติมาติดต่ออีกครั้ง
ส่วนการยึดบัตรอีกกรณี ยอมรับว่า มีส่วนจริงอยู่บ้าง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน คือ คนไข้ที่รักษาเรียบร้อยแล้ว ก็ติดหนี้ไว้ก่อนเพื่อจะขอกลับบ้าน ทั้งนี้ หลังจากนี้จะไม่มีการยึดบัตรใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ในกรณีที่ไม่มีเงินจ่าย ก็ต้องทำสัญญาค้างชำระไว้ตามกฎหมาย โดยคืนบัตรประชาชนให้ทุกคน เท่าที่ทราบประมาณ 40 % ของจำนวนผู้ป่วยมีการขอบัตรไว้จริงต้องขออภัยประชาชนด้วย เนื่องจากเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด ระหว่างผู้อำนวยการกับทีมปฏิบัติงาน
นพ.ประสานกล่าวด้วยว่า ตอนนี้ได้สั่งการไปว่า กรณีไม่มีเงินจ่าย สามารถค้างชำระได้โดยการทำเป็นสัญญา ก็เหมือนสัญญาใจและคืนบัตรประชาชนให้ด้วย
ส่วนการบริหารไม่เป็นธรรมนั้น ยังไม่มั่นใจว่าเกิดขึ้นจากกรณีใด ที่ผ่านมาโรงพยาบาลหนองบัวลำภูดำเนินการได้ดี แต่มีบางส่วนที่ไม่สามารถทำงานได้ ตามหน้าที่อย่างพยาบาล 1 คน ต้องตรวจคนไข้ให้ได้ 5 คนต่อวัน ถ้าทำไม่ได้ต้องพิจารณาตนเอง