กคช.เผย พม.สั่งทำบ้านเอื้ออาทร เพิ่มอีก 1-2 แสนยูนิต และบ้านปฐมภูมิ 5 หมื่นยูนิตใน 4 ปี

เศรษฐกิจ
29 ส.ค. 54
04:05
18
Logo Thai PBS
กคช.เผย พม.สั่งทำบ้านเอื้ออาทร เพิ่มอีก 1-2 แสนยูนิต และบ้านปฐมภูมิ 5 หมื่นยูนิตใน 4 ปี

คาดจะต้องใช้เงินอุดหนุนสาธารณูปโภคในโครงการอีก 5 หมื่นล้านลบาท เชื่อ 7 เดือนน่จะเดินหน้าได้

นายวิฑูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) เปิดเผยว่า จากการหารือกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกี่ยวกับโครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น เห็นว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี ดังนั้นจึงเห็นควรให้กคช.พัฒนาโครงการเพิ่มอีก 1-2 แสนยูนิตในระยะเวลา 4 ปีที่รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศ หรือพัฒนาปีละประมาณ 2.5-5 หมื่นยูนิตต่อปี โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2555 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาโครงการบ้านปฐมภูมิหรือบ้านหลักแรก อีกอย่างน้อย 1-5 หมื่นยูนิต ตามนโยบายรัฐบาลด้วย โดยในการดำเนินการนั้นกคช.จะต้องของบประมาณในการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการด้วยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 5หมื่นล้านบาท

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ขณะนี่กคช.กำลังศึกษารายละเอียด และวิธีการดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกับโครงการบ้านเอื้ออาที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าทั้งเอื้ออาทรและบ้านปฐมภูมิจะมีการนำเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และนำเสนอต่อกระทรวงและครม.คาดว่าน่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในเวลา 7-8 เดือน

ผู้ว่าการ กคช. กล่าวว่า จากการที่กคช.ต้องมาพัฒนาโครงการบ้านเอื้ออาทรเพิ่มเติมและโครงการบ้านปฐมภูมินั้น จะทำให้กคช.ไม่สามารถพัฒนาโครงการเคหะชุมชนที่กคช.มีแผนจะดำเนินการตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปได้ ดังนั้นจึงต้องให้ครม.ต้องเปลี่ยนมติจากการพัฒนาเคหะชุมชนมาเป็นเอื้ออาทรแทน ส่วนราคาขายนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่และศักยภาพของที่ดินเป็นหลัก โดยจะเน้นทำในที่ดินเดิมของกคช.และโครงการเอื้ออาทรเดิม ส่วนโครงการบ้านปฐมภูมินั้นจะเน้นทำในรัศมี 5 กิโลเมตร จากโครงการรถไฟฟ้า

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ราคาขายจะต้องดูอีกรอบ เพราะแต่ละโครงการที่พัฒนาจะมีราคาขายไม่เหมือนกัน ส่วนการชดเชยสำหรับการทำระบบสาธารณูปโภคของบ้านเอื้ออาทรนั้นรัฐต้องชดเชยให้ตามราคาจริงที่ 1.2 แสนลบาทต่อยูนิต ส่วนบ้านปฐมภูมิต้องดูตามพื้นที่ก่อนจึงจะรู่ว่าชดเชยเท่าไหร่"นายวิฑูรย์กล่าวและว่า สำหรับชื่อของเอื้ออาทรนั้นคาดว่าคงจะไม่ต้องเปลี่ยน เนื่องจากได้ทำการศึกษาศักยภาพของแบรด์ดังกล่าวแล้วพบว่าเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งแม้ว่าช่วงแรกจะมีปัญหาจากการดำเนินงาน ส่วนการพัฒนาโครงการนั้นจะให้เอกชนเข้ามาประมูลและรับผิดชอบความเส่ยงเรื่องการพัฒนาเองทั้งหมด กคช.จะจัดทำแค่เรื่องหาคนเข้าไปซื้อและจ่ายเงินเมื่อมีการโอนแล้วเท่านั้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง