ผจก.โมเดลลิ่ง แจ้งความถูกมิจฉาชีพหลอกเงินมัดจำเช่ารถ

อาชญากรรม
1 ก.พ. 65
13:32
1,101
Logo Thai PBS
ผจก.โมเดลลิ่ง แจ้งความถูกมิจฉาชีพหลอกเงินมัดจำเช่ารถ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผู้จัดการบริษัทโมเดลลิ่ง เข้าแจ้งความ ปอท.ถูกกลุ่มมิจฉาชีพโกงเงินมัดจำค่าเช่ารถยนต์ ยืนยันดำเนินคดีถึงที่สุดแม้ค่าเสียหายหลักพันบาท ป้องกันก่อเหตุซ้ำอีก

วันนี้ (1 ก.พ.2565) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรุงเทพฯ น.ส.ชญาณันทน์ มหาพีรพัฒน์ ผจก.บริษัทแอต เฮ้าส์ โมเดลลิ่ง เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธีรวัฒน์ ทองหยาด รอง สว.(สอบสวน) กก.2 บก.ปอท. แจ้งความกรณีถูกโกงเงินมัดจำค่าเช่ารถยนต์ โดยผู้ก่อเหตุใช้เพจเฟซบุ๊กชื่อ "บริการรถเช่าขับเอง"

น.ส.ชญาณันทน์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ ( 31 ม.ค.) เวลาประมาณ 19.00 น. ตนเองได้โพสต์ถามหารถเช่าในเพจเฟซบุ๊กบัญชีกลุ่มรถเช่าเชียงราย Rent A Car Chaingrai เพราะมีธุระจะต้องเดินทางไปที่จังหวัดเชียงราย ระหว่างวันที่ 11-13 ก.พ.ที่ผ่านมา

 

จากนั้นมีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Kook Banphao แอดมาคุยทางแมสเซนเจอร์ แนะนำว่ามีรถ Yaris ปี 2020 ให้เช่า หากสนใจให้ติดต่อแอดมินเพจชื่อ “ K.K Car For Rent บริการรถเช่าขับเอง” ตนเองจึงติดต่อแอดมินเพจดังกล่าวผ่านแมสเซนเจอร์ “รถเช่าขับเอง” ได้แนะนำรถ Yaris ปี 2020 ค่าเช่าวันละ 800 บาท เรียกค่ามัดจำ 3,000 บาท จะคืนให้ลูกค้าตอนส่งรถคืน กรณีเกิดอุบัติเหตุถ้าลูกค้าไม่ผิดจะคืนมัดจำ ถ้าลูกค้าผิดจะไม่คืนมัดจำ และไม่ต้องรับผิดชอบเพราะมีประกันภัยชั้น 1 พร้อมกับส่งรูปรถมาให้เลือกว่าจะจองรถคันไหน รวมถึงวันเวลาที่จะเช่า

เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ผู้ก่อเหตุได้ให้โอนเงินมัดจำล่วงหน้าก่อน 2,000 บาท ไปยังบัญชีธนาคารกสิกรไทย เลขบัญชี118427048 ชื่อนายวิฑูรย์ ยอแซฟ

ปกติจะเดินทางไปเชียงรายบ่อย ใช้บริการเช่ารถเจ้าอื่นประจำ แต่ครั้งนี้ลองเปลี่ยนเจ้าดูบ้าง สอบถามจนมั่นใจว่าจะไม่ถูกหลอก จึงโอนเงินมัดจำไป ส่งสลิปโอนเงินไปยืนยัน

จากนั้นผู้ก่อเหตุได้แจ้งกลับมาขอให้ช่วยโอนเงินอีกจำนวน 3,400 บาท เพื่อปิดคิว อ้างว่า ทางร้านนำรถมาจากศูนย์บางส่วน โอนปิดคิวมาแล้วจะโอนกลับคืนให้ทันที ซึ่งตนเองเช่ารถบ่อย ๆ ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงตัดสินใจยกเลิกการจองรถและขอเงินมัดจำคืน แต่กลับให้ตนเองติดต่อเจ้าของธุรกิจรถเช่าขับเอง ทางไลน์ บัญชีชื่อ asdf123 ซึ่งทราบภายหลังว่าใช้รูปคนดังเป็นรูปโปรไฟล์ ก่อนจะให้เบอร์มือถือโทรศัพท์พูดคุยกัน

 

ทั้งนี้ น.ส.ชญาณันทน์ แจ้งเรื่องแอดมินเพจรถเช่าขับเอง ไม่ยอมคืนเงินมัดจำจำนวน 2,000 บาท ปลายสายบอกว่าจะสอบถามให้ ก่อนจะรีบวางสายไปแล้วติดต่อไม่ได้อีก รวมทั้งข้อความที่คุยกันในแมสเซนเจอร์ก็โดนลบทิ้งหมด เมื่อเอาชื่อเจ้าของบัญชีธนาคารที่โอนเงินมัดจำไปค้นหาใน Google ปรากฎชื่อ วิฑูรย์ ยอแซฟ ติดแบล็กลิสต์ขึ้นมาจำนวนมาก

ต่อมาผู้เสียหายได้นำรายละเอียดที่ถูกหลอกเงินมัดจำไปโพสต์ถามในเพจกลุ่มรถเช่าเชียงราย ก็มีคนมาคอมเม้นต์ว่าเป็นผู้ก่อเหตุแอบอ้างมาหลอกลวงคนต้องการเช่ารถจำนวนมาก แอดมินเพจเองก็แจ้งว่าได้ปักหมุดเตือนให้ระวังกลุ่มนี้ ซึ่งตนเองไม่เห็นทันได้อ่านจึงไม่ทราบ

ยืนยันเอาผิดถึงที่สุด หวั่นก่อเหตุซ้ำ

วันนี้ จึงเดินทางมาแจ้งความตำรวจ บก.ปอท.เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ เชื่อว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก แต่ไม่อยากแจ้งความ เพราะเงินมัดจำเพียง 1,000-2,000 บาท แต่ตนเองไม่ต้องการให้ผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ไปหลอกลวงคนอื่นอีก จึงต้องดำเนินคดีและยินดีบอกเล่าให้สังคมทราบจะได้ระวังป้องกันตัวไม่ตกเป็นเหยื่อ

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบหลักฐานที่ผู้เสียหายรวบรวมมา พบว่า มีข้อมูลที่จะติดตามเงินมัดจำคืนหรือเอาผิดตามกฎหมายได้ โดยแนะนำให้ผู้เสียหายเข้าพบและแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุที่ผู้เสียหายโอนเงิน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป

เช็กข้อมูลก่อนตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

ขณะที่ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. และ รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า มิจฉาชีพได้ใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ที่ประชาชนนิยมใช้งาน เป็นช่องทางในการหลอกลวง ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝากประชาสัมพันธ์เตือนภัยหากจะเช่ารถผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ขอให้ตรวจสอบให้ดีอย่ารีบโอนเงิน ควรใช้บริการบริษัทที่น่าเชื่อถือ หากมีความประสงค์จะใช้บริการบุคคลหรือบริษัทที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนควรตรวจสอบรายละเอียดเบื้องต้นของผู้โพสต์ว่าเป็นบัญชีสื่อสังคมออนไลน์จริงหรือบัญชีอวตาร (บัญชีที่สร้างขึ้นมาเพื่อก่ออาชญากรรมออนไลน์) โดยให้นำชื่อ, หมายเลขบัญชีธนาคาร, หมายเลขโทรศัพท์ และรายละเอียดของผู้เช่าทั้งหมด ไปตรวจสอบในเว็บไซต์ Search engine เช่น Google ว่าเคยมีประวัติการโกงหรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการกระทำผิดกฎหมายดังกล่าว กรุณาแจ้งเบาะแสไปยังสายด่วน 191 และสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง