บทวิเคราะห์ : เอฟเฟกต์ใหญ่ที่ค่ายพรรคสีฟ้า

การเมือง
18 เม.ย. 65
14:08
517
Logo Thai PBS
บทวิเคราะห์ : เอฟเฟกต์ใหญ่ที่ค่ายพรรคสีฟ้า
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

เอฟเฟกต์แรงเกินคาด ไม่ใช่เพียงแค่ปัจจัยมีเหยื่อเปิดตัวแจ้งความดำเนินคดีอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่หลายคน หากเป็นจริงดังที่ตีฆ้องร้องป่าวของ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด อาจมีมากถึง 10 ราย

รูปแบบและพฤติการณ์จะคล้ายๆ กัน คือเล็งหาคนสวยแล้วตีสนิทขอเบอร์ แลกไลน์ จากนั้นนัดหมายไปเจอที่ร้านอาหารในโรงแรม แล้วต่อไปที่อพาร์ทเมนท์ ที่อ้างว่าเป็นออฟฟิศเพื่อคุยเรื่องงานหรือแวะเอาของ 

ก่อนจะปฏิบัติการเจ้าชู้ยักษ์ รุกหาฉับพลันแบบไม่ทันให้ตั้งตัว ทั้งการกระทำและคำพูดที่ส่อแนวสองแง่สองง่าม ก่อนจะคว้ามือหมับอ้างจะดูลายมือให้ แล้วค่อย “หมาหยอกไก่” แบบเล็งเห็นผล อุ้มได้อุ้ม หอมได้หอม จูบได้จูบ 

หลายคนตั้งตัวไม่ทัน อาจพลั้งเผลอตกเป็นเหยื่อมากบ้างน้อยบ้าง แต่ด้วยเกรงกลัวบารมีชื่อเสียง ทั้งตัวเขาเองและผู้ใหญ่คนใกล้ชิด ซึ่งคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย จึงไม่กล้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับตำรวจ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ใหม่ๆ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายชาชิน คิดว่าคงไม่ใครกล้าโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่โต แต่สุดท้ายคิดผิด 

ปัจจัยถัดมาที่ส่งผลให้ผู้คนสนใจเรื่องนี้มากขึ้น กลับเป็นเรื่องผลพวงจากในแชตไลน์ของกลุ่มกรรมการบริหารกับ ส.ส.และอดีต ส.ส.ของพรรค ที่ดุเดือดเลือดพล่านเพียง เพราะมีสมาชิกบางคนถามไถ่ผู้บริหารพรรค

หลังอดีตผู้สมัครส.ส.ของพรรค นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือลูกนัท ที่ตอนหลังไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มมวลชน 3 นิ้ว ทวงถามกรรมการบริหารพรรค ที่ผลักดันให้ผู้ถูกกล่าวหา ก้าวขึ้นไปเป็นรองหัวหน้าพรรคทีมอเวนเจอร์เดินเครื่องเศรษฐกิจทันสมัย ควรต้องร่วมรับผิดชอบด้วย

ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ถึงขั้นโพสต์ถ้อยคำกระแทกแดกดัน ถึงพฤติการณ์ของบางคนในกลุ่ม ทั้งที่มีพฤติการณ์ “กิ๊ก” และ “เป็นชู้” กับสามีคนอื่น ทั้งแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของถึงขั้นแขวนเสื้อตนเองไว้ในรถ และให้สามีคนอื่นขับรถไปรับถึงบ้าน ทั้งระบุด้วยว่า บางคนเป็น ส.ส.ในสภาผู้แทนฯอีกต่างหาก

พร้อมตั้งประเด็นคำถาม อย่างนี้ต้องตรวจสอบกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่

เท่ากับไปกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของผู้คนทั่วไป ที่มักชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนอื่นเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว ให้มีเพิ่มขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้ อาจไม่รู้ระแคะระคาย หรือทราบเรื่องมีพฤติการณ์แบบ “กิ๊ก” แบบ “ชู้” ที่ว่านี้มาก่อน

ซึ่งอาจมีนัยยะ หมายถึงนักการเมืองและส.ส.พรรคอื่น ไม่ใช่พรรคสีฟ้าก็เป็นได้

เป็นการสะท้อนและตอกย้ำความเหลวแหลกของคนในแวดวงการเมืองให้คุโชนเพิ่มดีกรียิ่งขึ้นไปอีก

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีคอการเมืองพันธุ์แท้ส่วนหนึ่ง รอคอยท่าทีและการแสดงออกของผู้บริหารพรรคการเมืองใหญ่ ที่ควรต้องมีมากกว่าคำพูดที่ดูดี แต่ยังไม่เพียงพออย่าง “ให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย” และ “พรรคจะไม่ปกป้องคนผิด”

เพราะผลกระทบจากเรื่องนี้ ใหญ่โตมโหฬาร และส่งแรงกระเพื่อมมหาศาลต่อระบบการเมืองและจรรยาบรรณนักการเมืองในยุคสมัยปัจจุบัน ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก

ยิ่งเรื่องสิทธิความเท่าเทียมของชายและหญิงยิ่งเป็นเรื่องสำคัญที่ชาวโลกตระหนัก

แต่นักการเมืองไทยกลับยังคงใช้โอกาส สถานภาพ และความได้เปรียบเหนือคนอื่น แม้กระทั่งอ้างบารมีผู้หลักผู้ใหญ่คนใกล้ชิด แสวงหากำไรแบบชวนสะอิดสะเอียนให้กับตัวเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง