จากกรณีที่มีการโพสต์คลิปใน TikTok ลักษณะคล้ายการถ่ายพรีเวดดิ้ง ในคลิปจะเห็นผู้ชายซึ่งอยู่ในเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ ส่วนฝ่ายหญิงอยู่ในชุดแต่งงานสีขาว กำลังเปิดประตูเดินลงจากรถยนต์ที่เปิดสัญญาณไฟวับวาบ ก่อนจะเดินมายังบริเวณด้านหน้ารถยนต์คันดังกล่าว และเดินจูงมือกันไป เจ้าของโพสต์ระบุข้อความว่า "ดูมีสง่า ภาษีมากครับ ชาวบ้านทั่วไปอยากถ่ายพรีเวดดิ้งแบบนี้ต้องทำหนังสือถึง ผบ.ตร. ไหมครับ"
ต่อมาทวิตเตอร์ดังกล่าว ยังได้โพสต์คลิปอีก 1 คลิป คลิปนี้ฝ่ายหญิงเดินคนเดียว จับกระโปรงชุดแต่งงาน และมีภาพด้านหลังเป็นรถยนต์ของตำรวจทางหลวง 5 คัน หน้าสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง จากคลิปดังกล่าวมีชาวโซเชียลจำนวนมากเข้าไปแสดงความคิดเห็นในทำนองที่ตั้งคำถามถึงการนำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ในการถ่ายทำงานพรีเวดดิ้งว่าเหมาะสมหรือไม่
ล่าสุดตำรวจทางหลวงออกเอกสารชี้แจงผ่านทางออนไลน์ โดยระบุว่า กองบังคับการตำรวจทางหลวง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้สั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้แล้ว จากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่า คลิปดังกล่าวถ่ายไว้เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้ปรากฏในคลิปเป็นข้าราชการตำรวจทางหลวงจริง และสถานที่ที่ปรากฏ คือ สถานีตำรวจทางหลวง 4 กองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ หากพบว่ามีพฤติกรรมที่เป็นความผิดวินัยจะได้ดำเนินการทางวินัยโดยเคร่งครัดต่อไป
นอกจากนี้ ขออภัยประชาชนและสังคมจากคลิปดังกล่าว และขอขอบคุณในความห่วงใยในความโปร่งใสในการปฏิบัติงาน โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวงจะได้กำชับและควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปด้วยความเหมาะสมต่อไป
ทั้งนี้ การใช้ยานพาหนะของทางราชการโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เพราะเมื่อปีที่แล้วมีกรณีคล้าย ๆ กันเกิดขึ้น เป็นการใช้เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจ ซึ่งท้ายที่สุดนายตำรวจที่เกี่ยวข้องถูกสั่งย้าย และตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย
ย้อนไปกลางเดือน เม.ย.2564 คลิปนี้เป็นที่พูดถึงในวงกว้าง โดยยังมีหญิงสาวคนหนึ่งโพสต์คลิปลงในโซเชียล ถ่ายกับเฮลิคอปเตอร์ มีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งหญิงคนดังกล่าวได้ถ่ายไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่อง ขณะขึ้นไปนั่งภายในเครื่องจนขึ้นบิน พร้อมยังถ่ายให้เห็นบรรยากาศภายในเฮลิคอปเตอร์ จนถูกสังคมตั้งคำถามว่าหญิงคนนี้เป็นใคร
ท้ายที่สุดทราบว่าเป็นภรรยาของตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งกรณีดังกล่าวทำให้นายตำรวจ สามีหญิงที่ปรากฏในคลิป ถูกสั่งย้ายโดยให้ขาดจากตำแหน่งและสังกัดเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชาหน่วยที่ไปปฏิบัติราชการมอบหมาย พร้อมมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนและลงโทษทางวินัย