วิสามัญฯ หนุ่มคลั่งคาโรงพักน้ำยืน ปาประทัด-ตีตำรวจ-ทุบรถ

อาชญากรรม
8 ก.ย. 65
10:17
1,732
Logo Thai PBS
วิสามัญฯ หนุ่มคลั่งคาโรงพักน้ำยืน ปาประทัด-ตีตำรวจ-ทุบรถ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจ สภ.น้ำยืน สยบหนุ่มคลั่ง บุกปาประทัดลูกบอล ใช้ไม้เบสบอลไล่ทุบโรงพัก รถของกลางเสียหายหลายคัน ตีตำรวจจนถูกยิงสวนดับคาโรงพัก ครอบครัวยอมรับเคยมีประวัติรักษาอาการป่วยจิตเวช ระบุตำรวจทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ

เมื่อวันที่ 7 ก.ย.2565 พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัด พ.ต.อ.สุพจน์ จงอุตส่าห์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรน้ำยืน เข้าเก็บหลักฐาน เพื่อใช้ประกอบสำนวนการสอบสวนเหตุการณ์ชายอายุ 32 ปีเสียชีวิตหน้าโรงพัก

จากการสอบสวนทราบว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.น้ำยืน ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนสถานี ชายคนดังกล่าว ขับรถยนต์มาจอดบริเวณลานเสาธงหน้าโรงพัก ก่อนจะหยิบเอาระเบิดปิงปอง จุดและปาเข้าใส่ตัวอาคารโรงพัก จนตำรวจที่ทำงานอยู่พากันแตกตื่น และส่งเสียงร้องเอะอะโวยวายด่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างไม่รู้สาเหตุ

ชุลมุนยิงสกัดชายคุ้มคลั่ง-ทุบโรงพัก รถของกลาง

เจ้าหน้าที่ที่เห็นเหตุการณ์ พยายามเข้าเจรจาให้สงบสติอารมณ์ แต่ไม่เป็นผล  ชายคนดังกล่าวยังนำไม้เบสบอล ออกจากรถมาวิ่งไล่ตีตำรวจ จนต้องวิ่งหนีกระเจิง และไปไล่ทุบทำลายประตูกระจกทางเข้าสถานี ทุบรถจักรยานยนต์ รถยนต์เก๋งที่เป็นของกลาง และรถประจำพนักงานสอบสวนเวร ได้รับความเสียหายหลายคัน

 

กระทั่ง พ.ต.ท.วุฒิกร ยืนสุข รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม เข้าไประงับเหตุ ถูกตีด้วยไม้เบสบอลเสียหลักล้มลง จึงตัดสินใจใช้ปืนพกสั้นขนาด 9 ม.ม. ยิงเข้าไปที่ต้นขาผู้ก่อเหตุ 1 นัด แต่ยังหยุดอาการคลุ้มคลั่งไม่ได้ และตรงเข้าทำร้ายตำรวจอีกนายจึงพยายามเข้าช่วยแต่ถูกนายวันใช้ไม้เบสบอลตีเข้าที่ศรีษะ 1 ครั้ง

 

จึงตัดสินใจใช้ปืนขนาดเดียวกันยิงไปที่ต้นขาอีกข้าง เพื่อหยุดอาการคลั่งของแต่ไม่สำเร็จ ทำให้เกิดการปล้ำต่อสู้กัน และเกิดเสียงปืนดังเป็นนัดที่ 3 ถูกบริเวณหน้าท้องของผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บและอาการสงบลง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตในช่วงค่ำวันเดียวกัน

พ่อยันลูกชายเคยรักษาป่วยจิตเวช-ชี้ตร.ทำเกินกว่าเหตุ 

สำหรับสาเหตุในการก่อเหตุครั้งนี้ ยังไม่ทราบชัดเจน แต่จากการสอบถามพ่อของผู้ก่อเหตุยอมรับว่า ลูกชายเป็นผู้ป่วยจิตเวช หลังรักษาหายเมื่อปลายปีก่อน ก็ไปทำงานที่ต่างจังหวัด และเพิ่งกลับมาบ้านไม่ถึงเดือนก็มาก่อเหตุนี้ขึ้น

 

พ่อของผู้ก่อเหตุ ยืนยันลูกชายไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ 6-7 ปีก่อนเคยเป็นผู้ป่วยจิตเวช ด้านทางอารมณ์โมโหร้าย รักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชพระศรีมหาโพธิ์ กระทั่งหายเป็นปกติ จึงไปทำงานที่ จ.ระยอง นาน 6 ปี เพิ่งลาออกจากงานกลับมาอยู่ที่บ้านได้เกือบ 1 เดือนก็มาเกิดเหตุนี้ขึ้น

คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทำเกินกว่าเหตุ เพราะลูกชายไม่มีอาวุธปืน หรือมีด มีเพียงไม้เบสบอล และประทัดลูกบอลเท่านั้น ไม่น่าจะยิงจนถึงแก่ความตาย

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง