วันนี้ (4 ต.ค.2565) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวกรณีการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เนื่องจากกังวลว่า รัฐบาลไม่สามารถรับมือน้ำท่วมได้ทันท่วงที ซึ่งมีพื้นที่น้ำท่วม 56 จังหวัด มีพื้นที่การเกษตรเสียหายร่วมกว่า 1.2 ล้านไร่
พรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ต้องการสื่อไปยังผู้มีอำนาจให้รับทราบถึงความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนพรรคก็ช่วยเหลือประชาชนเท่าที่ดำเนินการได้ภายใต้ข้อจำกัดเรื่องระเบียบ กกต.เรื่องการหาเสียงเลือกตั้ง
พรรคเพื่อไทยแสดงความห่วงใยประชาชน พร้อมเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ทำหน้าที่ดูแลประชาชนที่ประสบภัยให้ถึงที่สุด
นพ.ชลน่าน ยังเรียกร้องต่อ กกต.ขอให้ปรับปรุงระเบียบการหาเสียงเลือกตั้ง ในการช่วยเหลือประชาชนในภาวะภัยพิบัติ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีมติที่จะเสนอร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม หมวดว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง เพื่อแก้ปัญหาและอุปสรรคในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งจะเสนอร่างฯในสมัยประชุมสภาฯครั้งหน้า และมั่นใจว่าจะจัดทำกฎหมายเสร็จทัน
สำหรับแถลงการณ์พรรคเพื่อไทย เรียกร้อง 7 ข้อดังนี้ 1.ให้รัฐบาลถือว่าปัญหาประชาชนเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ให้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน จำเป็น ฉุกเฉิน ให้บริหารในภาวะวิกฤต ต้องระดมสรรพกำลังไปช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่ทันท่วงที
มีมาตรการเฉพาะหน้า และเยียวยาอย่างชัดเจน ยกแผนรัฐบาลมีปัญหาเรื่องมาตรการเตือนภัย โดยเฉพาะสถานการณ์น้ำท่วม จ.อุบลราชธานี หนักกว่าปี 2562 น้ำมาเร็ว แต่ประชาชนเก็บของไม่ทัน
2.สถานการณ์น้ำท่วมในอดีต ซึ่งพรรคเพื่อไทย วางแผนรับสถานการณ์ไว้ สำหรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุด และเตรียมมาตรการรองรับ 3.ต้องนำลักษณะบริหารสถานการณ์น้ำในภาวะเสี่ยงมาปฏิบัติ
4.ต้องวางโครงสร้างระบบบริหารจัดการที่มีหน่วยปฏิบัติชัดเจน ครบกลุ่มการบริหารทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ
5.การบริการน้ำท่วมต้องไม่นำระเบียบเดียวกันมาบังคับใช้กับสถานการณ์ทั้งประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่น้ำท่วมขังนาน
6.ต้องให้ความสำคัญกับท้องถิ่น ให้อำนาจสนับสนุนในการดูแลประชาชน เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดประชาชน
7.แผนบริหารจัดการน้ำท่วมประเทศ ที่แผนบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตก โดยยืนยันในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยจะหยิบมาทำอีกครั้ง
พร้อมระบุว่า การลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ล่าช้า ซึ่งเป็นไปตามปกติ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะเร็วไปกว่านี้
พร้อมทักท้วงว่า การใช้อารมณ์กับประชาชนแต่การแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนกลับล่าช้ามาก