รัฐบาลเร่งกวดขันอาวุธปืน-ยาเสพติด ตร.เอาจริงใครผิด ผู้บังคับบัญชาโดนด้วย

สังคม
12 ต.ค. 65
14:06
369
Logo Thai PBS
รัฐบาลเร่งกวดขันอาวุธปืน-ยาเสพติด ตร.เอาจริงใครผิด ผู้บังคับบัญชาโดนด้วย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
นายกฯ สั่งเร่งกวดขันการใช้อาวุธปืน ต้องตรวจสอบอาการทางจิต ให้ทุกชุมชนเร่งคัดกรองผู้ติดยาเสพติด ใครเสพต้องบำบัด คัดกรองทุกตำบล ควบคุม ร.ร.-สถานประกอบการ มท.สั่งเข้ม “ปืนเถื่อน” ใครมีรีบส่งคืนไม่เอาผิด ผบ.ตร.ระบุ ตร.ใครเอี่ยวยา เอาผิดผู้บังคับบัญชาด้วย

วันนี้ (12 ต.ค.2565) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุม เพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธ ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า วันนี้เป็นการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการสำคัญ ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน

สั่งกวดขันการมี-ใช้อาวุธปืน ต้องรับรองทางจิต

มาตรการสำคัญได้แก่ การกวดขัน การบังคับใช้กฎหมาย เกี่ยวกับอาวุธปืนให้มีความเข้มงวด โดยเฉพาะการออกใบอนุญาตและการต่อใบอนุญาต การพกพาอาวุธปืน

ส่วนผู้ยื่นคำขออนุญาตมีและใช้อาวุธปืน ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วน และต้องมีการตรวจสอบและรับรองอาการทางจิต ไม่วิกลจริตและฟั่นเฟือน

โดยจะต้องมีการรับรองจากผู้บังคับบัญชา ชุมชน กำนันผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งต้องไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม นอกจากนี้จะต้องมีการตรวจสอบทบทวน เพื่อพิจารณาคุณสมบัติตามห้วงเวลาที่เหมาะสม

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะที่การเพิกถอนใบอนุญาตการพกพาอาวุธปืน เมื่อพบปัญหาทางจิต หรือมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม มีการใช้ยาเสพติด และต้องมีการกวาดล้าง จับกุมอาวุธเถื่อน รายการซื้อขายออนไลน์อย่างจริงจัง

รวมทั้งต้องมีการทบทวนกฎหมายและกฎกระทรวง ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการ และให้มีผลออกมาให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนมาตรการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติด ต้องเน้นการควบคุม การนำเข้า การส่งออก สารเคมีตั้งต้นที่นำไปใช้ผลิตยาเสพติด “โซเดียมไซยาไนต์” พร้อมเร่งติดตาม สืบสวนขยายผล ทำลายเครือข่ายนักค้ายาเสพติดและยึดอายัดทรัพย์สิน

ทบทวนให้ผู้เสพเป็น “ผู้ป่วย” ต้องบำบัด

การบูรณาการนำผู้เสพเข้าระบบศูนย์ข้อมูล ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงาน ป.ป.ส. ทบทวนกรณีผู้เสพเป็นผู้ป่วย โดยเฉพาะประเด็นปริมาณการครอบครอง ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือว่า จากกำหนดปริมาณการครอบครอง ซึ่งหากมีความจำเป็นก็ต้องปรับแก้กฎหมาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา

กรณีเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ต้องดำเนินการลงโทษอย่างเด็ดขาดทุกกรณี

เร่งจัดตั้งศูนย์คัดกรองทุกตำบล

ขณะที่มาตรการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ให้เร่งค้นหาคัดกรอง เพื่อนำเข้าสู่การฟื้นฟู เร่งจัดตั้งศูนย์คัดกรองให้ครอบคลุมทุกตำบล ทั้งสาธารณสุขและท้องถิ่น ให้เป็นมาตรฐานสากล โดยจะต้องเร่งหาผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ให้ได้ว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด เพื่อจะได้ตรวจสอบคัดกรองได้อย่างตรงจุดและเข้าสู่กระบวนการได้

ชุมชนถือว่ามีส่วนสำคัญที่จะช่วยทางภาครัฐ ในการตรวจสอบหากพบเห็นผู้ที่มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง หรือติดยาเสพติดซึ่งจะต้องหามาตรการที่เหมาะสมต่อไป

ดูแลสุขภาพจิตใน ร.ร.-สถานประกอบการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต จะจัดตั้งระบบดูแลสุขภาพจิตใน โรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่ง สถานประกอบกิจการที่มีพนักงานมากกว่า 100 คน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอาวุธร้ายแรง ขณะที่การบำบัดฟื้นฟู

ให้จัดตั้งกลุ่มงานจิตเวชและยาเสพติดทุกอำเภอ จัดตั้งหน่วยบูรณาการ จิตเวชฉุกเฉินทุกอำเภอ มีระบบดูแลเบื้องต้นทางจิตเวชทุกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และใช้ชุมชนบำบัด เพิ่มสิทธิประโยชน์ในการรักษาจิตเวชทางไกล การดูแลต่อเนื่องในชุมชนในผู้ป่วยจิตเวชเสี่ยงต่อการเกิดความรุนแรง

ผู้ขอมีอาวุธปืนต้องตรวจ “สุขภาพจิต” ด้วย

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการอนุญาตพกอาวุธปืน โดยผู้ที่ขออนุญาตใหม่ นอกจากจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติแล้ว ต้องเพิ่มรายละเอียดทางด้านจิตใจและสุขภาพจิต ที่ต้องได้รับการรับรองจากแพทย์

ขณะเดียวกันจะต้องตรวจสอบความประพฤติ โดยต้องมีใบรับรองจากผู้บังคับบัญชากรณีเป็นข้าราชการ

ส่วนผู้ขออนุญาตเก่าจะมีระบบเวลาในการทบทวน และที่ต้องตรวจสอบ ซึ่งจะพิจารณาว่าจะสามารถใช้ได้ต่อหรือไม่ แต่หากใครทำผิดจะเพิกถอนใบอนุญาตทันที

ปืนเถื่อนจะออกกฎหมายให้นำมาคืน และจะพิจารณาไม่ให้ถูกดำเนินคดี แต่หากยังครอบครองอยู่ จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และตำรวจจะมีเข้มงวดในการติดตามอาวุธเถื่อน

คาดโทษ ตร.ทำผิด ผู้บังคับบัญชาโดนด้วย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ผู้บังคับบัญชาลงพื้นที่ ให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ในการที่อยากจะแจ้งเบาะแส หากพบว่า มีตำรวจกระทำความผิด จะดำเนินคดีกับตำรวจคนนั้นและลงโทษผู้บังคับบัญชาอีก 2 ระดับ เพราะถือว่าควบคุมลูกน้องไม่ดี

นอกจากนี้ จะทำงานแบบบูรณาการระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ในการทำงานด้านยาเสพติด

ภายใน 3 เดือนจะทราบทั้งหมดว่า กลุ่มที่เป็นสีแดง ที่มีโอกาสคลุ้มคลั่ง มีจำนวนเท่าใด และจะแก้ปัญหาอย่างไร ส่วนการปราบปรามยาเสพติด จะประสานกับประเทศเพื่อนบ้านให้เข้มข้นมายิ่งขึ้น เนื่องจากผู้ค้ารายใหญ่จะสั่งการมาจากต่างประเทศ

“สมศักดิ์” ยันไม่มีพ่อค้ายาในเรือนจำ

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีผู้ค้ายาอยู่ในเรือนจำ ว่า ยังไม่เห็นมีใครแจ้งให้ตนทราบสักคน ตนอยากทราบจริง ๆ เพราะวันนี้เราติดตามและดำเนินการเรื่องนี้อยู่ ยืนยันว่าเรื่องผู้ค้ายาเสพติดอยู่ในเรือนจำนั้นเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากผู้คุมต่าง ๆ ในเรือนจำมีสิทธิได้รางวัลการนำจับ มีเรื่องของการยึดทรัพย์สิน อีกทั้งกฎหมายยึดสินทรัพย์สามารถย้อนหลังได้เป็นสิบปี

ใครยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด หรือมีทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จะถูกตรวจสอบอย่างรุนแรง ตรงนี้ถ้าผู้ค้ายาเสพติดยังอยู่ได้ ตนเชื่อมั่นว่ามันผิดแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ เพราะกฎหมายขับเคลื่อนเต็มที่

ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า ยาเสพติดมีมากมายในทุกหมู่บ้านนั้น ในข้อเท็จจริงประเทศไทยมี 80,000 กว่าหมู่บ้าน แต่มีคนแจ้งผ่านเบอร์โทรศัพท์หมายเลข 1386 เพียง 16,000 สายเท่านั้น ถือว่าน้อยมาก

อาจจะเกิดจากหมู่บ้านดังกล่าวไม่ได้เดือดร้อน หรือเดือดร้อนแต่ไม่กล้าแจ้งเบาะแส เพราะกลัวเรื่องความปลอดภัย วันนี้ได้สร้างกลไกที่จะปกปิดผู้ให้เบาะแส ที่จะนำมาใช้ได้ในระยะเวลา 2-3 เดือน

ใช้กำไลอีเอ็มคุมคนติดยา

รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ในเรื่องการยึดและอายัดทรัพย์สินนั้น เวลาเราสามารถยึดและอายัดทรัพย์สินได้จะส่งเข้ากองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เสนอแนะว่า เงินที่ได้นี้จะแยกส่วนหนึ่งไปใช้ในเรื่องการฟื้นฟูที่มีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้ดูแลได้หรือไม่

ส่วนผู้ติดยาเสพติดที่เข้าขั้นโรคจิตนั้น มีการนำเสนอให้ใช้กำไลอีเอ็ม เพื่อกำกับบริเวณ และปกติแล้ว หากศาลสั่งให้บำบัดจะต้องส่งเข้าไปในสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด ซึ่งจะเพิ่มเรื่องการใช้กำไลอีเอ็มเข้าไปอีกส่วนหนึ่ง โดยจะต้องไปทำระเบียบและขออำนาจศาลสั่ง

นอกจากนี้ ในที่ประชุมได้มีการรายงานว่าวันนี้สารตั้งต้นยาเสพติดราคาถูกมาก ไซยาไนด์ 1 กิโลกรัม ราคา 100 บาท แต่สามารถผลิตยาบ้าได้เป็นหมื่นๆ เม็ด แต่เรามั่นใจว่าจะแก้ไขได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง