สธ.ยันไทยยังไม่พบโควิด-19 สายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB

สังคม
12 ต.ค. 65
17:34
4,976
Logo Thai PBS
สธ.ยันไทยยังไม่พบโควิด-19 สายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมควบคุมโรค ยืนยันไทยยังไม่พบโควิด-19 สายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB โดยส่วนใหญ่พบการแพร่ระบาดในขณะนี้ เป็น "โอมิครอน" สายพันธุ์ย่อย BA.5 ย้ำประชาชนฉีดวัคซีนให้ครบตามกำหนด ใช้ชีวิตป้องกันตนเองตามปกติ

วันนี้ (12 ต.ค.2565) นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานข่าวในต่างประเทศได้มีการตรวจพบโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนตัวใหม่ สายพันธุ์ BQ.1.1 และ XBB โดยระบุว่า สามารถแพร่เชื้อได้เร็วนั้น กรมควบคุมโรค ขอยืนยันว่าประเทศไทยยังไม่พบโควิด-19 สายพันธุ์ BQ.1.1

และจากการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่า ยังไม่มีรายงานการตรวจพบสายพันธุ์ดังกล่าวในไทย โดยปัจจุบันสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.5 ซึ่งแนวโน้มสอดคล้องกับทั่วโลกที่มีการระบาดของสายพันธุ์ BA.5 เป็นสายพันธุ์หลัก

นพ.ธเรศ กล่าวว่า แม้ในขณะนี้มีแนวโน้มการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลดลง ประกอบกับในหลายพื้นที่มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ แต่ยังคงมีมาตรการที่สำคัญ โดยเน้นมาตรการทางสังคมที่สมดุลกับชีวิตวิถีใหม่ คือ มาตรการสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่เสี่ยง ล้างมือ เว้นระยะห่าง

และหากติดเชื้อโควิด-19 ให้รักษาตามอาการ ถ้าไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ให้กินยาตามอาการ และแยกตัวเอง 5 วัน หากจำเป็นต้องเดินทางหรือไปทำงาน ให้สวมหน้ากากอนามัย 2 ชั้น หากมีอาการมากขึ้นให้ไปพบแพทย์ และการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นยังเป็นตัวช่วยที่ลดความรุนแรงของโรคได้ 

นอกจากนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ไฟเซอร์ฝาสีแดง สำหรับเด็กอายุ 6 เดือน - 4 ปี โดยประชาชนสามารถพาบุตรหลานไปฉีดวัคซีนได้ที่หน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน และขอยืนยันว่า การให้บริการฉีดวัคซีนได้ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ผ่านคณะกรรมการด้านวิชาการ คือ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกัน และคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ

ทั้งนี้ การเข้ารับวัคซีนต้องเป็นไปตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก โดยการรับวัคซีนไม่เป็นเงื่อนไขในการไปโรงเรียน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง